สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
ถาม-ตอบ

เกลือกับครีมอาบน้ำ (Amway อีกแล้ว)

การสาธิตมีอยู่ว่า  แอมเวย์สาธิตประสิทธิภาพของครีมอาบน้ำตัวเองด้วยการ นำครีมอาบน้ำคู่แข่งมาเทใส่แก้วเล็กๆ 1 แก้ว เค้าใช้โชกุบุตสึ อีกแก้วหนึ่งเป็น ครีบอาบน้ำของแอมเวย์ แล้วพนักงานขายก็พูดออกมาว่า

เกลือ (ที่เราใช้ทำกับข้าวทั่วไป) เปรียบเสมือนเหงื่อของคน มีความเค็ม เหมือนเหงื่อของเรา (มันคิดได้ยังไงประโยคนี้) จากนั้นเทเกลือใส่ลงไปในแก้วทั้งสอง จำไม่ได้ว่าใส่น้ำลงไปนิดหน่อยหรือเปล่า แต่น่าจะใส่ แต่จะใส่หรือไม่ใส่ก็ไม่ใช่ประเด็นทำให้เกิดความแตกต่าง หลังจากนั้นก็คนๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทันไดนั้น ครีมอาบน้ำที่ไม่ใช่ของแอมเวย์ ก็จับตัวเป็นก้อน ข้นเหนียวมากเหมือนกาวแป้งเปียก และสิงที่ออกจากปากพนักงานขายตามมาก็คือ

"เมือเวลาเรา เล่นกีฬาเหงื่อๆ ออกมามากๆ ครีมอาบน้ำที่ใช้กันทั่วไป จะจับตัวเป็นก้อนแล้วอุดตันรูขุมขน และทำให้เกิดสิวได้ แต่ผลิตภัณของเอ็มเวย์ ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่อุดตันรูขุมขน"    ทันไดนั้นความรู้สึก ทะแม่งๆ ก็เกิดขึ้นในหัวผม จึงมาเป็นกระทู้นี้

เรียนเชิญท่านนักเคมี ผู้มีความรู้อีกตามเคยมาช่วยอธิบาย ปรากฎการณ์ ตอแหลของพนักงานขายแอมเวย์ให้ฟังหน่อยครับ ขอรายละเอียดการเกิดปฎิกริยาด้วยนะครับ ว่าสารอะไรทำปฎิกริยากับสารอะไร แล้วเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือเปล่า  เพราะผมกำลังรวบรวมข้อมูลของทุกๆ การสาธิตเพื่อไปเผยเพร่ต่อสาธารณชน

โดย:  คนเดิม   [14 ต.ค. 2553 15:55]
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก:  เมนูนานาสาระ และหมวด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์บ้านเรือน  /  อื่น ๆ
ข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิจะแสดงในกรอบสีเขียว ส่วนข้อคิดเห็นหรือความเห็นจากผู้อื่นจะแสดงในกรอบปกติ
ข้อคิดเห็นที่ 1:1

http://www.chemtrack.org/Board-Detail.asp?TID=0&ID=3278        

อธิบาย ต่อ            เกลือ ละลายในน้ำได้  ในการอาบน้ำช่วงแรกสุด เกลือที่เคยละลายมากับเหงื่อ จะถูกน้ำละลายออกไป  เหลือแต่ไขมันซึ่งจะถูกสารลดแรงตึงผิวในครีมอาบน้ำช่วยล้างออกไป    ถ้าไม่ได้อาบน้ำโดยใช้น้ำเกลือ  สารลดแรงตึงผิวก็ไม่สามารถรวมตัวกันเป็นก้อนหรือแยกตัวจากน้ำ    ดังนั้นในการอาบน้ำด้วยน้ำทั่วไป จึงไม่มีใครถูกสารลดแรงตึงผิวไปอุดรูขุมขน        
( ในการตอบคำถามนี้  ได้พยายามหลีกเลี่ยงการให้ร้ายผลิตภัณฑ์ทั้งสองฝ่ายแล้ว    และได้พยายามหลีกเลี่ยงการตำหนิหรือกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วด้วย    ดังนั้นคำตอบนี้จะไม่ทำให้ใครๆได้สะใจ  )

โดย:  นักเคมี  [15 ต.ค. 2553 01:10]
ข้อคิดเห็นที่ 1 ของผู้ทรงคุณวุฒิ :2

ลองตั้งคำถามว่า สภาพบนผิวของเราแม้จะมีเหงื่อและขี้เกลือ ก็คงไม่มากเทียบเท่ากับสถานการณ์จำลองที่ทดลองให้ดู วิธีการดลองอาจทำให้เห็นคล้อยตามได้  ถ้าเอาหลักวิทยาศาสตร์มาจับ ก็คงถามแย้งกับพนักงานขาย โจทย์แบบนี้น่าเอาไปสอนวิทยาศาสตร์ หัดให้นักเรียนตั้งคำถาม

โดย:  สุชาตา ชินะจิตร  [15 ต.ค. 2553 10:27]
ข้อคิดเห็นที่ 2:3

โฆษณาทุกอย่างล้วนแล้วเกินความเป็นจริงทั้งนั้นฉะไนนเลยมาเจาะจงการสาธิตของamway อย่างเดียวไม่มีอะไรทำแล้วรึไร

โดย:  คนเป็นกลาง  [8 ธ.ค. 2553 09:35]
ข้อคิดเห็นที่ 3:4

วันนี้ภาวะโรคร้อนขึ้นก็เพราะเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารฟอสเฟสเยอะที่อยู่ในส่วนผสมของใช้ในครัวเรือนทั้งนั้น        บริษัท amway เขาได้รับโล่รักษาสิ่งแวดล้อมขององค์กรสหประชาชาติมาตั้งนานและรักษาแชมป์มาโดยตลอด ถึงเขาจะเปรียบเทียบให้ดูก็ไม่หน้าเกลียดใช่มั๊ยล่ะ

โดย:  คนเป็นกลาง  [8 ธ.ค. 2553 09:42]
ข้อคิดเห็นที่ 4:5

คนที่โชคร้ายที่สุดคือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี        
สิ่งเหล่านี้เราตัดสินใจเองได้        เรารู้อยู่เเล้ว ... แต่ลองกลับมาคิดดีๆๆว่าเรารู้จริงรึยัง ... ด้วยความหวังดี

โดย:  คนธรรมดา  [17 ม.ค. 2554 17:57]
ข้อคิดเห็นที่ 5:6

คำประกาศ        
ข้าพเจ้า ประกาศแสดงเจตนารมณ์ไว้ ณ ที่นี้  ว่า  จะไม่เพียงแต่  เจาะจง ศึกษา - วิเคราะห์ - วิจารณ์ - โต้แย้ง  การสาธิต ผลิตภัณฑ์ แอมเวย์ แบบ เปรียบเทียบ กับ ผลิตภัณฑ์อื่น เท่านั้น    
แต่จะ   ศึกษา - วิเคราะห์ - วิจารณ์ - โต้แย้ง  การสาธิต ผลิตภัณฑ์ ใดๆ ที่ทำการสาธิต แบบ เปรียบเทียบ กับ ผลิตภัณฑ์อื่น  โดยมีรูปแบบ การให้ร้าย - การใส่ร้าย - การทับถม - การทำให้เข้าใจผิด    ต่อ  ผลิตภัณฑ์อื่น  ( ของคู่แข่ง )  อย่างไม่เป็นธรรม        
ข้าพเจ้า เข้าใจดี และ คาดการณ์ไว้แล้วว่า  การประกาศ และ การปฏิบัติตามคำประกาศนี้  อาจมีผลทำให้ข้าพเจ้า กลายเป็นบุคคลน่ารังเกียจ หรือตกเป็นเป้าโจมตีรายต่อไป  ของ  ผู้นิยมการสาธิตผลิตภัณฑ์ของตน เปรียบเทียบกับ ผลิตภัณฑ์อื่น รวมทั้ง แนวร่วม - กองเชียร์ - ผู้มีความรัก - ผู้มีความศรัทธา ต่อ  ผู้สาธิต - ผลิตภัณฑ์  หรือรวมทั้ง  ผู้ที่แสดงตนว่าเป็นกลาง
และ ขอเตือน ผู้ที่คาดหวังจะให้ ข้าพเจ้า เป็นคนเบื้องหน้า แทนตัวผู้ที่อยากหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง  และ ผู้ที่อยากยุให้คนอื่นทะเลาะกัน    ว่า    ข้าพเจ้าก็ไม่โง่มากนัก อาจไม่ทำอย่างที่ท่านต้องการ



http://www.chemtrack.org/EnvForKids/content.asp?ID=146        ครีมอาบน้ำ / เจลอาบน้ำ    ( Shower Cream / Shower Gel )        
http://www.chemtrack.org/EnvForKids/column.asp?ColumnID=3        ขบวนการโลกแสนสวย    -    ฉลาดใช้ผลิตภัณฑ์        
http://www.chemtrack.org/EnvForKids/home.asp         ขบวนการโลกแสนสวย

โดย:  นักเคมี    ( เรื่องนี้ อยากสุดขั้ว เบื่ออยู่กลาง )  [10 ก.พ. 2554 10:50]
ข้อคิดเห็นที่ 7:8

คุนดูฉลาดดีนะคะ...ชื่นชมๆ

แต่คนฉลาด แบบคุน ก้อเห็นย่ำอยู่กะที่อ่ะนะ

หรือว่าฉลาดเกินไป

โดย:  ลองดูคุนเอง  [25 ก.พ. 2554 11:47]
ข้อคิดเห็นที่ 8:9

สบู่เหลว หรือ ครีมอาบน้ำ ในแต่ละยี่ห้อจะมีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิวที่แตกต่างกัน การใช้SLS หรือ SLES เป็นสารลดแรงตึงผิว(Surfactant) เมื่อเจอกับเกลือ(Sodium chloride) หรือที่เรียกว่าผงข้น ย่อมเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้ข้นขึ้นจนจับตัวเป็นก้อนก็ได้ บางยี่ห้อเขาไม่ใช้สารที่ว่านี้ซึ่งจะดีกว่าหรือไม่ ผู้บริโภคต้องพิจารณาเอง
การอาบน้ำไม่ได้มุ่งประเด็นไปที่เกลือ แต่จะมุ่งประเด็นไปที่คราบไขมันที่ร่างกายขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ

โดย:  สมบุญ  [6 มิ.ย. 2554 19:17]
ข้อคิดเห็นที่ 9:10

เมื่อลง คำประกาศ  ก็คาดว่า จะมี ใคร มา แสดงความคิดเห็นด้วย    แต่ที่มาจริง นับว่า น้อย ( จังเลย )        

โดย:  นักเคมี  [11 มิ.ย. 2554 18:12]
ข้อคิดเห็นที่ 10:11

ผมเป็นนักดนตรีครับ แล้วก็เคยเห็นการทดลองนี้แล้ว และก็เคยใช้แล้วด้วย ก็ได้ผลดีน่ะครับ สิวก็ลดลงไปปเรื่อยๆอ่ะครับ

โดย:  SornModira  [16 ส.ค. 2554 13:16]
ข้อคิดเห็นที่ 11:12

เค้าเรียกปรากฎการที่เกลือจับตัวเป็นก้อนว่า Salting out ค่ะ
คือการทำสบู่โดยทั่วไป ขั้นตอนนี้จะใช้เกลืออิ่มตัวประมาณ 30% เติมลงไปในน้ำมันกับด่างที่ทำปฎิกริยาสมบูณร์แล้ว เพื่อจะไปแย่งจับกับน้ำและกลีเซอลีน จึงสามารถแยกสบู่กับกลีเซอรีนออกจากกัน
โชกุบุสซึ ใช้ Potassium Soap เป็นสารทำความสะอาดที่ได้จากน้ำมันมะพร้าวหรือปาล์มค่ะ เมื่อเติมเกลือลงไปจึงทำให้การละลายของสบู่ลดลง จึงข้นขึ้น
แต่ของแอมเวย์ใช้สารทำความสะอาดที่เป็นสารลดแรงตึงผิวไม่ใช่สบู่ จึงไม่เกิดปรากฏการณ์นี้ค่ะ อีกอย่างการอาบน้ำ ปริมาณน้ำนั้นมากพอที่จะชะล้างสิ่งสกปรกและเหงื่อไคลออกไปได้อย่างหมดจด คนที่บอกว่าสิวลดหลังใช้นั่นเป็นเพราะคนที่ผิวแพ้ง่ายไม่เหมาะกับสบู่ที่มีค่า pH ค่อนข้างสูง (9-10) เพราะปกติผิวเรามีค่าpH เพียง 5.5
การสาธิตแบบนี้ถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนและกล่าวหาบริษัทอื่น เอาดีเข้าหาตัวจริงๆค่ะ

โดย:  นักวิจัย  [30 มี.ค. 2555 16:29]
ข้อคิดเห็นที่ 12:13

การสาธิตนี้ไม่น่าจะเอาชื่่อของคนอื่นมาเผยแพ่
น่าจะบอกว่าครีมอาบนํ้าชนิดที่ไม่ต้องบอกชื่อ
ที่จะทําให้ผลิตพันธ์ของเขาเสียหาย
และทําให้คนอื่นเข้าใจผิดในการใช้ครีมอาบนํ้า

โดย:  คนกลาง  [19 เม.ย. 2555 12:59]
ข้อคิดเห็นที่ 13:14

รู้จริงซักแค่ไหนว่ามาผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านแบบนี้ การสาธิตมันคือการเปรียบเทียบให้ดู ถ้าคุณไม่เคยสัมผัสหรือรู้ไม่จริงก็ไม่ควรที่จะทำให้ผู้อื่นคิดเห็นตามคุณ

โดย:  เด็กน้อย  [16 พ.ค. 2555 20:18]
ข้อคิดเห็นที่ 14:15

เคยดูการสาธิตน้ำยาล้างจานของ แอมเวย์  ของซันไล  ขุ่น เหมือนกัน แต่ของแอมเวย์ ไม่ขุ่น อันนี้เป็นเพราะอะไรทำปฎิกริยากับอะไรค่ะ

โดย:  คนอยากรู้  [23 ก.ค. 2555 21:46]
ข้อคิดเห็นที่ 15:16

การสาธิตเป็นแค่การเปรียบเทียบ แต่การที่เราหาเงินมาได้ ก็ต้องปราถนาใช้สินค่าที่ดี่ใช่ป่ะครับ ผมใช้แล้ว ทั้งประหยัดและได้ผลที่ครับ ประหยัดตังค์ได้ในระยะยาวครับ ผมอยากแนะนำให้คุณใช้สินค้านะครับ จะได้รู้ข้อเท็จจริง ไม่ใช่มาจากความรู้สึก "ข้อคิดเห็น กับ ข้อเท็จจริง มันคนละเรื่องกันนะครับ"

โดย:  คิดบวกจิตแจ่มใส  [5 ก.ย. 2555 19:54]
ข้อคิดเห็นที่ 16:17

เห็นด้วยกับคุณคิดบวกจิตแจ่มใส่

โดย:  ต้องเรียนรู้ไม่ใช่รับรู้  [10 ก.ย. 2555 22:39]
ข้อคิดเห็นที่ 17:18

" เมือเวลาเรา เล่นกีฬาเหงื่อๆ ออกมามากๆ ครีมอาบน้ำที่ใช้กันทั่วไป จะจับตัวเป็นก้อนแล้วอุดตันรูขุมขน และทำให้เกิดสิวได้ แต่ผลิตภัณของเอ็มเวย์ ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่อุดตันรูขุมขน "  

ตัวอย่าง  
วิธีคิด ( และ สามารถ พิสูจน์ ด้วยตัวเอง )

ไม่ว่า จะอาบน้ำ โดยใช้ สบู่ก้อน - สบู่เหลว - ครีมอาบน้ำ ( หรือ แม้จะอุตริ เอา แชมพูสระผม มาใช้แทน )
ถ้า ใน วันต่อๆมา เมื่อเล่นกีฬา ในลักษณะเดิม หรือ ในสภาพแวดล้อมเดิม .... แล้ว ยังมีเหงื่อออกเหมือนเดิม และ / หรือ หน้ามัน ผิวมัน เหมือนเดิม

นั่น แปลว่า 55555  
รูขุมขน ยังไม่ได้ อุดตัน  ( จึง ยัง สามารถ ขับเหงื่อ และ ไขมัน ออกมาได้ )  


โดย:  ใครก็ช่างหัวมัน  [13 ก.ย. 2555 16:56]
ข้อคิดเห็นที่ 18:19

ของท้องตลาดได้ยินมาว่าผสมไขมันจากสัตว์ แอมเวย์จาก ข้าวโพดและน้ำมันมะพร้าว. อาบพืชดีกว่าครับ ลองใช้เองก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน เห็นแต่ภาพแล้วมาว่า...

โดย:  ...  [11 พ.ย. 2555 10:26]
ข้อคิดเห็นที่ 19:20

ทำไมสบู่เหลวของท้องตลาดเมื่อโดนกับเกลือจึงมีกลิ่นเหม็น แต่ของแอมเวย์ไม่เหม็น

โดย:  มือใหม่....  [21 พ.ย. 2555 12:13]
ข้อคิดเห็นที่ 20:21

ลองใช้ดูแล้วถามตัวเองว่าดีไหม
ผิวนุ่มขึ้นไหม หอมไหม  กลิ่นตัวน้อยลงไหม
สิวน้อยลงไหม ถ้าใช้ในปริมาณทที่แนะนำแล้วประหยัดจริงไหม
ได้คำตอบแล้วตัดสินจากการใช้เลยคะ

โดย:  Ounarak  [6 ธ.ค. 2555 00:03]
ข้อคิดเห็นที่ 21:22

 งั้นผมถามกลับครับ แล้วคุณคิดว่าอั้มใช้มิสทินอัน30บาทไหม ทั้งๆที่อั้มโฆษณา  กลับสิ่งที่เขากำลังพิสูจน์ให้คุณดู แล้วเขาก็ไม่ได้อะไรจากคุณ นอกจากความหวังดี คุณอยากพิสูจน์จริงๆแนะนำไปที่บริษัทของแอมเวย์ ที่เมกาครับ ขอบคุณครับ

โดย:  คนดี  [22 ธ.ค. 2555 08:39]
ข้อคิดเห็นที่ 22:23

ของซูเลียน ก็มาสาธิตแบบนี้เหมือนกัน คำพูด และการสาธิตก็เหมือนกันทุกอย่าง เอาสินค้าตัวอื่นมาสาธิตให้ดู

โดย:  ประชาชนคนหนึ่ง  [7 ม.ค. 2556 16:04]
ข้อคิดเห็นที่ 23:24

การสาธิตสินค้ามันก็ต้องเปรียบเทียบนะ่  แต่เขาไม่ระบุยี่ห้อถ้าผู้ทำการสาธิตเคารพจรรยาบรรณของอาชีพตัวเองก็จะไม่ให้เห็นยี่ห้อ  และควรจะให้ข้อมูลชัดเจนถูกต้องไม่ใช่เอาข้อมูลผิดมาป้อนให้ผู้บริโภค เพราะเข้าข่ายหลอกลวง แต่เงินอยู่ในกระเป๋าผู้ซื้อพิจารณาเอานะคะ ควรหรือไม่ควรซื้อ ไม่มีใครบังคับคุณได้  แต่คนเราก็อย่าปักใจเชื่อเพราะได้ยินได้เห็นควรจะศึกษาข้อมูลจากหลายๆที่ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ นะคะ

โดย:  คนสวน ที่ใช้ผลิตภัณท์ของแอมเวย์  [8 ม.ค. 2556 16:32]
ข้อคิดเห็นที่ 24:25

เป็นการนำเสนอสินค้าครับ   ดีแล้วครับที่คิดเป็นอยากให้คนไทยคิดเป็นอย่างนี้ละครับ  จะได้ไม่ถูกเขาหลอก  สินค้าแอมเวย์เป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายครับสามารถตรวจสอบได้ อย่างน้อยเขาก็มีนักธุรกิจมารับผิดชอบ

โดย:  น้องใหม่แอมเวย์  [15 ม.ค. 2556 16:15]
ข้อคิดเห็นที่ 25:26

ไม่่รู้จริงขอร้องอย่าโจมตีกันครับ ถ้าของเค้าไม่ดีจริง คงไม่มียอดธุรกิจ เป็นหมื่นล้าน หรอกครับ และยังมีอาชีพหลากหลายที่สำเร็จกับธุรกิจนี้มา และสินค้าของเรา เน้น 5ป
1ประโยชน์
2ประหยัด
3ปลอดภัย
4ประสิทธิภาพ
5ประกันความพอใจ
มีสินค้าตัวไหนบ้างซื้อแล้วใช้แล้ว ไม่พอใจคืนเงินได้ รู้ให้จริงแล้วค่อยกล่าวหานะ
เด็กน้อย

โดย:  เม้ง  [14 มิ.ย. 2556 19:53]
ข้อคิดเห็นที่ 26:28

การเปรียบเทียบสินค้าเราควรดูจากการนำเอาวัตถุดิบที่นำมาผลิตว่ามาจากใหน
และโรงงานผลิตมีคุณภาพอย่างไร แล้วค่อยเอามาเปรียบเทียบกัน ผมว่ามันเห็นความแต่งต่างชัดเจนอยู่แล้วครับ

โดย:  มนุษย์  [9 ก.ค. 2556 11:48]
ข้อคิดเห็นที่ 27:29

นี่หรือบริษัทระดับโลกสอนให้พนักงานเอาข้อด้วยสินค้าคนอื่นมาโจมตี
สินค้าคุณคงมีข้อด้อยด้วยเหมือนกัน แต่บริษัทอื่นให้ใช้วิธีโฆษณาจุดดีสินค้าตัวเอง
ไม่ใช้วีธีห...มาลอบกัด

โดย:  ไม่ชอบวิธีการขาย  [12 ก.ค. 2556 21:04]
ข้อคิดเห็นที่ 28:30

เลือกสิ่งที่คุณพอใจ ใช้สิ่งที่คุณต้องการได้คุณภาพที่คุณเลือก

โดย:  เข้าใจชีวิต  [12 ส.ค. 2556 16:39]
ข้อคิดเห็นที่ 29:31

ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ
ขอไปพิสูจน์แหล่งผลิตเลยดีที่สุดครับ
จบปะ
ไม่เสียเวลา ไร้สาระ ของเราด้วย

โดย:  คนอยากรู้  [19 ส.ค. 2556 13:14]
ข้อคิดเห็นที่ 30:32

ต่างประเทศเขาสาธิตโดยเปิดเผยยี่ห้อมานานแล้วไม่ผิดกฎหมายมีแต่ประเทศนี้แหละที่เลี้ยงประชากรให้โง่ไว้ก่อนจะได้หลอกขายสินค้าคุณภาพต่ำๆได้ง่ายๆรักษาแต่ผลประโยชน์ของผู้ประกอบการ ไม่เคยคุ้มครองผู้บริโภค ทีผลิตภัณฑ์ที่โฆษณากินแล้วหายทุกโรคทำไมไม่ไปจับผิดบ้างถ้ารักษาได้จริงโรงพยาบาลควรมีไว้อย่างยิ่งไม่ต้องจ้างหมอไม่ต้องตรวจโรคเพราะใครป่วยมาก็จ่ายแค่ผลิตภัณฑ์วิเศษนี้ตัวเดียวพอเพราะรักษาได้ทุกโรค

โดย:  nop  [16 พ.ย. 2556 13:21]
ข้อคิดเห็นที่ 31:33

ถ้าคุณคิดว่าการเปรียบเทียบสินค้าเป็นการโจมตีล่ะก็ไม่ผิดครับ เพราะที่นี่ประเทศไทย มันห้ามเปรียบเทียบสินค้าข้ามยี่ห้อ แต่นี่เราไม่ได้ออกสื่อผ่านโฆษณาจึงคาดว่าไม่ผิดกฎหมาย

เคยเห็นโฆษณาโค้กของต่างประเทศไหมครับ เด็กเดินไปหยอดเหรียญตู้น้ำอัดลม แต่กดปุ่มโค้กไม่ถึง เด็กคนนี้จึงกดเป๊ปซี่ที่อยู่ต่ำกว่าออกมาก่อนแล้วเหยียบกระป๋องเป๊ปซี่ขึ้นไปกดโค้กลงมาต่อ

ถาม...
ถ้าโฆษณานี้อยู่ที่ประเทศไทย คุณคิดว่าโดนแบนไหม?

http://image.ohozaa.com/view2/xedRsSChUfClTKd0
อันนี้ก็เป็นภาพเปรียบเทียบสินค้าที่เขาใช้กันในอเมริกา ถามว่าแบบนี้ถ้าอยู่ประเทศไทยเขาจะเรียกว่าเปรียบเทียบหรือโจมตี แล้วถ้าอยู่ในอเมริกาจะผิดกฎหมายโดนฟ้องร้องไหม

พวกคุณก็แค่เห็นกฎหมายที่บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้ แล้วมาเรียกว่าการเปรียบเทียบสินค้าที่ต่างประเทศใช้กัน ว่ามันเป็นการโจมตีคู่แข่ง

ตปท. เขาให้สิทธิ์ผู้บริโภคได้รู้ข้อเท็จจริงแล้วตัดสินใจเลือกบริโภคเอาเอง เขาไม่มัวมาปกป้องผู้ผลิตครับผม

โดย:  Korn  [22 พ.ย. 2556 10:30]
ข้อคิดเห็นที่ 32:34

อ่านความคิดเห็นบางอันแล้วอดขำไม่ได้ครับ
ในที่นี้ไม่เห็นใครโจมตีสินค้าแอมเวย์ว่าไม่ดีเลย
แต่มีพวก... นักธุรกิจแอมเวย์ หรือสาวก หรืออะไรก็แล้วแต่
ออกมาดิ้นพราดๆ
E.g.
ข้อคิดเห็นที่ 25:

ไม่่รู้จริงขอร้องอย่าโจมตีกันครับ ถ้าของเค้าไม่ดีจริง คงไม่มียอดธุรกิจ เป็นหมื่นล้าน หรอกครับ และยังมีอาชีพหลากหลายที่สำเร็จกับธุรกิจนี้มา และสินค้าของเรา เน้น 5ป
1ประโยชน์
2ประหยัด
3ปลอดภัย
4ประสิทธิภาพ
5ประกันความพอใจ
มีสินค้าตัวไหนบ้างซื้อแล้วใช้แล้ว ไม่พอใจคืนเงินได้ รู้ให้จริงแล้วค่อยกล่าวหานะ
เด็กน้อย

ประเด็นที่เขาถามไม่ได้พูดถึงยอดขายอะไรเลย แค่ถามหาข้อเท็จจจริง ก็เท่านั้น
ไม่เข้าใจว่าท่านต้องการอะไร?

โดย:  ตลกบางความเห็น  [28 พ.ย. 2556 23:28]
ข้อคิดเห็นที่ 33:35

ศักยภาพของธุรกิจแอมเวย์
หลังจากที่พวกเราประสบความสำเร็จมานับ  10  ปี  ทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่า  “บุคคลที่เลือก  Amway”  นะครับ  ไม่จำเป็นต้องเก่ง ไม่จำเป็นต้องมีความสามารถเป็นเลิศ  ไม่จำเป็นต้องมีการศึกษาสูง  ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญพิเศษ   เพียงแต่พวกเราเป็นคนธรรมดาๆที่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ  เชื่อมั่นในตัวเราเอง  และอยู่บนยานพาหนะที่ดีเช่น  Amway    พาหนะที่ดีจะเป็นเคื่องมือที่นำพาเราไปสู่ความสำเร็จ  ซึ่งถ้าเราไม่ทิ้งมันไป  มันก็สามารถที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จได้    มีคนยกตัวอย่างการแข่งม้าว่า  ม้าที่เข้าเส้นชัยได้เป็นอันดับหนึ่ง  มันมีองค์ประกอบอยู่  2   อย่าง    อย่างที่  1  ก็คือ  จ๊อกกี้ที่ขี่ม้า  อย่างที่  2  ก็คือ  ม้าที่ส่งลงแข่ง  ผลการวิจัยบอกว่า  จ๊อกกี้ฝีมือดีแต่ไปขี่ม้าตัวห่วย  กับจ๊อกกี้ฝีมือธรรมดาแต่ขี่ม้าตัวเก่ง  เมื่อลงสนามพร้อมๆกันแล้ว  คุณคิดว่าใครจะชนะครับ  คำตอบก็คือ  “ม้าตัวเก่งครับ”  เช่นเดียวกัน  มีการวิจัยของนักเขียนท่านหนึ่งที่เดินทางไปสำรวจความสำเร็จของบุคคลทั่วโลก  ไม่ว่านักการเมือง  นักเศรษฐศาสตร์  นักธุรกิจ  ข้าราชการ  ผู้บริหาร  หรือผู้นำประเทศ  ผลการวิจัยบอกว่า  มีคนจำนงวน  10%  เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในชีวิตโดยที่มีความสามารถพิเศษหรืออัจฉริยะ  แต่ก็มีคนถึง  90%  ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต  โดยที่บุคคลเหล่านั้นจะต้องมีบุคคลหรือองค์กรที่ประสบความสำเร็จคอยเอื้ออำนวย  คอยอุดหนุนให้บุคคลเหล่านั้นประสบความสำเร็จ  เช่น  นาย  ก  มีพ่อเป็นรัฐมนตรีหรือนักการเมือง  โอกาสที่ลูกของนาย  ก  จะเป็นรัฐมนตรี  เป็นนักการเมือง  คุณว่ามีโอกาสสูงมั้ยครับ  มีใช่มั้ยครับ  ถ้าพ่อเป็นนักการฑูต โอกาสที่ลูกจะได้เป็นฑูตสูงมั้ยครับ  สูงใช่มั้ยครับ  แล้วถ้าพ่อมีธุรกิจร้านทอง  โอกาสที่ลูกจะมีธุรกิจร้านทองสูงไหมครับ    เพราะฉะนั้นเค้าเลยบอกว่าความสำเร็จในชีวิต  จะต้องมีบุคคลหรือองค์กรที่ประสบความสำเร็จแล้วคอบสนับสนุนใช่มั้ยครับ  คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต  ส่วนใหญ่จะเป็นฑูต  เป็นผู้นำระดับสูง  เป็นผู้มีสกุล  ณ มหาสารคาม  ณ สงขลา  ณ ภูเก็ต  ณ พัทลุง  ส่วนตัวผมเองก็มี  ณ เหมือนกันครับ  “นะครับ  กับ  นะจ้ะ”  แล้วมันจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ยังไง
แต่แล้ววันหนึ่งผมก็มาเจอกับธุรกิจแอมเวย์  ตอนนั้นผมเพิ่งจบโรงเรียนนายเรือเพิ่งติดยศมาใหม่ๆ  ก็พยายามหางานพิเศษทำ ในตอนนั้นไม่มีใครมาชวนผมแต่ผมเห็นเพื่อนๆ 2  -  3  คนทำแอมเวย์กัน  ก็เลยไปถามเค้าแล้วในที่สุดผมก็ได้ทำแอมเวย์  ผมทำแอมเวย์มาสามเดือนผมก็เป็น  12%  ในตอนนั้นผมมีรายได้พิเศษจากการทำธุรกิจแอมเวย์อยู่ประมาณ  4,000  -  10,000  บาท  เทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ก็พยายามหางานพิเศษทำเหมือนๆกัน  เชื่อมั้ยครับว่าไม่มีใครเลยที่คิดว่าทำแอมเวย์จะมีรายได้ขึ้นมาถึงหมื่นบาทได้  ทุกๆคนคิดว่าผมเก่ง  แต่จริงๆแล้วเรารู้ตัวว่าเราไม่ได้เก่ง  “แต่เราขี่ม้าถูกตัวต่างหาก”  เพราะว่าเรามีองค์ประกอบ  2  อย่างที่สนับสนุนให้เราประสบความสำเร็จ  องค์ประกอบอันที่  1  คือ  มีบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วคอยสนับสนุนเรา    องค์ประกอบที่  2  คือมีองค์กรที่ประสบความสำเร็จแล้วคอยสนับสนุนเรา  เหมือนกับในแอมเวย์ที่เรามี  “upline  และ  บริษัทแอมเวย์  ที่คอยสนับสนุนให้เราประสบความสำเร็จครับ” ถ้าคุณดูทีวี  ภาพในโฆษณาที่บอกว่า  “แค่เริ่มต้นกับแอมเวย์  คุณก็เป็นแชมป์แล้ว”  มันหมายถึงว่า  วันหนึ่งที่เราได้เข้ามาในธุรกิจนี้  เราได้เริ่มต้นกับความสำเร็จที่เป็นแชมป์  นั่นหมายความว่า  เราก็มีโอกาสเป็นแชมป์สูงใช่มั้ยครับ   ในปัจจุบันมีเครือข่ายหลายชนิด  เครือข่ายระบบทุน  เครือข่ายองค์กร  เครือข่ายมวลชน  มหาชน  อะไรต่างๆ  ซึ่งแตกต่างกับธุรกิจแอมเวย์  เพราะธุรกิจแอมเวย์  ก็ถือว่าเป็นเครือข่ายปัจเจกชน  มันเป็นความสำคัญข้อที่  1  คือ  เราทุกคนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้  โดยที่ต่างคนต่างเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง    ข้อที่  2 แต่ละคนทำงานในส่วนที่ง่ายๆเล็กๆที่ทุกๆคนสามารถทำได้ด้วยตนเอง    ข้อที่  3  ทุกคนสามารถทำได้โดยไม่ต้องทิ้งงานประจำ  ทำช้าก็ไม่เป็นไรขอแค่ไม่เลิกทำยังไงก็สำเร็จ    ข้อที่  4  ลงทุนต่ำและไม่เสี่ยง  ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก  เพราะเป็นตัววัดว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีภูมิคุ้มกัน  เป็นระบบเศรษฐกิจพอเพียง  เป็นระบบเศรษฐกิจขนาดย่อม  เป็น  SME  ที่มีประสิธิภาพที่สุด  เพราะว่า  Amway  ปกป้องผู้ที่ทำธุรกิจแอมเวย์ไม่ให้มีความเสี่ยง    ข้อที่  5  สามารถเติบโตได้ไม่มีวันสิ้นสุดเพราะธุรกิจจะมีการขยายตัวต่อเนื่องออกไป  และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทางธุรกิจก็เป็นรายได้แบบทวีคูณ  ซึ่งทำให้ธุรกิจแอมเวย์ไม่มีเพดานรายได้และไม่รู้เลยว่าจะมากมายเท่าไหร่  คือถ้าเราทำงานประจำซ้ำๆเราก็มีรายได้เท่าเดิมใช่มั้ยครับ  ถ้าอยากมีรายได้มากขึ้นต้องลงทุนมากขึ้นต้องเสี่ยงมากขึ้น  แต่กลับกันในธุรกิจแอมเวย์ เราก็ทำงานซ้ำๆ  ทำเหมือนๆเดิม  แต่รายได้ยังคงทวีคูณต่อไปเรื่อยๆ  คนสำเร็จทำแอมเวย์กันมาเป็น  20  ปี   20  ปีที่แล้วพวกเขาก็เขียนแผนสาธิตสินค้าตอบข้อโต้แย้ง  ผ่านมา  20  ปี  พวกเขาก็ทำงานแบบเดิมคือ  เขียนแผนสาธิตสินค้าตอบข้อโต้แย้ง  แต่คุณลองคิดดูนะครับ  ตอนเริ่มต้นเดือนแรกพวกเขาได้เงินกันไม่กี่สิบบาท  ผ่านมายี่สิบปี  พวกเขามีเงินเดือนๆหนึ่งเป็นล้าน  งานทั่วๆไปในโลก  โดยปกติถ้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นขนาดนั้น  ต้องขยายธุรกิจมากมายมหาศาล  และยิ่งขยายมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น    บรรดานักอนาคตวิทยาในโลก  ทำนายและวิเคราะห์แล้วเขียนมาเป็นหนังสือ  “John  Naisbitt  Author  Of  Megatrends  Global  Paradox”  หนักสือเล่มนี้บอกเล่าถึงชีวิตผู้คนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว  แต่ก็มีคนบางคนไม่ได้รับทราบ  บางคนก็ไม่ได้รับรู้  บางคนรู้แล้วแต่ก็ไม่เชื่อ  แต่ก็มีคนที่รับทราบ  คนที่รู้  คนที่เชื่อว่าในอนาคต  โลกของธุรกิจมันจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด  John  เค้าบอกว่าต่อไปนี้โลกจะกลับตาลปัด ธุรกิจอะไรที่มันใหญ่ๆมันจะอุ้ยอ้ายเคลื่อนตัวยาก  แต่ธุรกิจที่จะอยู่ได้คือธุรกิจขนาดเล็ก    เมื่อปี  40  ฟองสบู่แตกทำให้ธุรกิจใหญ่ๆล้มระเนระนาดหมด  มันทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เค้าเรียกว่า  ธุรกิจชุมชน  หรือ  OTOP  หรือ  SMB  เกิดขึ้นมากมาย  ในประเทศญี่ปุ่นมีโครงสร้างทางธุรกิจที่มั่นคงมาก  นั่นเป็นเพราะว่าเค้ามี  SMB  ที่ยิ่งใหญ่มาก  มี  SMB  มากมาย  ซึ่งถึงธุรกิจใหญ่ๆจะล้ม  แต่ธุรกิจแบบนี้จะไม่ล้ม  มันจะกลับกลายเป็นว่าในอนาคตทุกๆอย่างมันจะเคลื่อนตัว  มันจะเปลี่ยนแปลงแบบกลับตาลปัดโดยที่เราไม่รู้ตัว  เค้าชี้บอกแม้กระทั่งว่า  คนรวยอาจจะจนลง  และคนจนจะรวยขึ้น  ยิ่งไปกว่านั้นเค้ายังเขียนบอกอีกว่า  ธุรกิจเครือข่ายเท่านั้นที่จะเติบโต  ซึ่งถ้าใครไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นความล้มเหลวราคาแพง    ในปี  40 บางคนนอนหลับดีๆ  ตื่นขึ้นมาก็จนทันที  มีคนบางคนนะครับจนอยู่ปกติ  แต่สิ้นเดือนก็กลับรวยทันทีเชื่อใหมครับสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอ  แล้วนักอนาคตก็เขียนบอกอีกว่าเจ้าของกิจการเป็นผู้ที่มีบทบาทสูงสุดในระบบเศรษฐกิจโลก  และในอนาคต  บริษัทใหญ่ๆจะกลายเป็นเครือข่ายเจ้าของกิจการทั้งสิ้น  และหลังจากนั้นก็มีหนังสือเล่มหนึ่งออกมาชื่อ  “The  Future  Catches  You”  ได้วิเคราะห์ว่าต่อไปนี้ทุกๆอย่างจะเปลี่ยนแปลง  ผู้เขียนคือ  โอทริเก้  เขาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่  ฮาร์วาด  เป็นผู้อำนวยการโครงการวิทยาศาสตร์แห่งชีวิต  เค้าบอกว่า  “บุคคลใดก็แล้วแต่  เอาสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอนาคตมาปฏิบัติวันนี้แล้ว  และได้เตรียมตัววันนี้เพื่ออนาคต  บุคคลเหล่านั้นจะเป็นบุคคลที่อยู่รอดปลอดภัย”  “แต่บุคคลใดก็แล้วแต่  ที่ไม่ล่วงรู้อนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ทำงานแค่ดำรงค์ชีวิตในแต่ละวัน  และรำพึงรำพันแต่อดีต  คนเหล่านั้นจะถูกอนาคตไล่ล่า”  นั่นหมายความว่ามันตามไปไล่ล่าเราอยู่ข้างหน้าแล้วใช่มั้ยครับ  แล้วเค้าก็บอกว่าเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ  เครือข่ายสมองมนุษย์  อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตคือ  อาณาจักรแห่งความคิด  ผู้ใดครอบครองเครือข่ายมนุษย์  ผู้นั้นจะเป็นผู้ครอบครองความมั่งคั่งในอนาคต  เนื่องจากโลกมันเปลี่ยนไปตามยุค  ในยุคเกษตรกรรมนะครับ  เค้าบอกว่า  ใครครอบครองที่ดินคนนั้นจะครอบครองความมั่งคั่ง  ในยุคอุตสาหกรรมเค้าบอกว่าใครครอบครองโรงงานอุตสาหกรรมคนนั้นครอบครองความมั่งคั่ง  ในยุคระบบทุนใครครอบครองเงินทุนมาก  คนนั้นจะครอบครองความมั่งคั่ง  ในโลกอนาคตก็เช่นกัน  ใครครอบครองเครือข่ายมนุษย์  ใครครอบครองช่องทางการจัดจำหน่าย  คนๆนั้นจะครอบครองความมั่งคั่ง  สิ่งเหล่านี้ได้มีผู้ทำนายมาและได้นำเสนอไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้  แต่ในธุรกิจ  Amway  ท่านประธาน  ริช  และ  เจ  คิดและทำเรื่องนี้มา 50  ปีแล้ว  เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้ผู้คนประสบความสำเร็จได้มากมายในปัจจุบัน  ระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพมีเคล็ดลับก็คือ  ทำให้ผู้วื้อกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย  เครือข่ายนั้นก็จะเติบโตมากขึ้น  ยกตัวอย่าง  ถ้าเรามีหุ้นในธนาคารกรุงเทพ  เราเป็นผู้ถือหุ้น  ถ้าเราอยากไปฝากเงิน  หรือกู้เงิน  เราจะไปทำที่ธนาคารไหนดีครับ  ก็ต้องเป็นธนาคารที่เราถือหุ้นถูกมั้ยครับ    อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง  ท่านเป็นผู้ครองครองเครือข่ายมนุษย์  มีเครือข่ายอยู่  15  ล้านคน  ทุกๆครั้งที่คนโทรศัพท์  สมมติว่าคนละ  10  นาทีต่อวัน  รายได้ไม่ต้องมากครับ  แค่นาทีละบาท  15  ล้านคนก็  15  ล้านบาทต่อนาที  แล้วถามว่าเราโทรศัพท์กันวันละกี่นาที  เดือนละกี่นาที  ปีละกี่นาที  รวยมั้ยครับ  แต่เราเป็นอย่างนี้ได้มั้ยครับ  ไม่ทันแล้ว  เราไม่ทันแล้ว  เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของโอกาส  แต่เรายังมีช่องทางของเราก็คือว่า  เราสามารถสร้างเครือข่ายของเราได้  และคนรอบข้างเรา  แปรงฟัน  ซักผ้า  อาบน้ำ  ล้างจาน  ใช้สบู่  แชมพูกันทั้งนั้นใช่มั้ยครับ  เพราะฉะนั้นความถี่ของผู้คนที่บริโภคในเครือข่ายเรากับความถี่การใช้งานโทรศัพท์มือถือ  บางครั้งความถี่ของเราอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไปใช่มั้ยครับ  เพราะฉะนั้น  โอกาสที่เราจะครอบครองเครือข่ายแบบนี้  มันเป็นโอกาสของเรา  และคนที่จะรองรับระบบเครือข่ายแบบนี้ให้เราก็คือ  บริษัทแอมเวย์ครับ  ขอเสียงปรบมือให้กับทุกท่านที่มีโอกาสนี้ด้วยครับ
ถ้ามีบริษัทซักบริษัทนึง  มาเสนอเราว่า  ไหนๆคุณก็ต้องใช้ระบบโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว  ผมจะให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่าย แล้วเครือข่ายนี้  กับเครือข่ายผู้ซื้อ  เป็นคนๆเดียวกัน  เค้าบอกคุณว่าให้คุณชักชวนเพื่อนฝูง  ญาติพี่น้องผู้คนเข้ามาในเครือข่ายคุณซัก 2,000  คน  สมมติว่าแต่ละคนโทรศัพท์คนละ  1,000  บาทต่อเดือน  สิ้นเดือนเป็นเงิน  2  ล้านบาท  ถ้าคุณทำได้แบบนี้เค้าจะจ่ายให้คุณ 10%  คือ  200,000  บาทต่อเดือน  คุณเอามั้ยครับ  แล้วถ้าถ้าคุณชักชวนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของคุณเหมือนเดิม  ให้ไปซื้อของที่ห้างแห่งนึง  ถ้าเขาบอกว่า  ถ้าคุณชวนคนมาสมัครสมาชิกที่ห้างเค้าเพื่อให้คนๆนั้นได้ส่วนลดเวลาเค้ามาซื้อซัก  2,000  คน  สมมติซื้อซักคนละ 1,000  บาทในสิ้นเดือน  ห้างมียอด  2  ล้าน  เค้าจะจ่ายให้คุณ  10%  คือ  200,000  บาทต่อเดือน  ถ้ามีห้างใหญ่ๆมาบอกคุณแบบนี้โอเคมั้ยครับ  ค่าป็นหุ้นส่วนกับห้าง  300,000  เอาไหมครับ  แต่ว่าต้องพูดแผนประมาณ  3  -  5  ทุ่มนะ  จะอยู่ต่อไหมครับ  แน่นอนครับพวกเราคงรอยคอยกันเพราะคิดว่าเป็นโอกาสใช่มั้ยครับ  แต่ในความเป็นจริง  บริษัทและห้างใหญ่ๆเค้าเปิดโอกาสให้เราแบบนี้ไหมครับ  ไม่ให้” อะไรที่ง่ายๆแบบนี้คุณว่ามันจะมีสิทธิ์มาถึงเรามั้ยครับ  แต่มีบริษัทๆนึงชื่อแอมเวย์  เค้าส่งข้อมูลผ่าน  upline  ของคุณให้ไปบอกผู้คนว่า คุณซื้อผงซักฟอก  สบู่  ยาสีฟันอยู่มั้ยครับ  คุณไปบอกผู้คนแบบนี้  2,000  คน  มาซื้อสินค้าที่ห้างแอมเวย์ซักคนละ 1,000  บาท  ยอดรวม  2 ล้านบาท  Amway  บอกว่าจะจ่ายให้คุณ  21%  คือ  420,000  บาท  ทุกๆเดือนตลอดไป  เอาไหมครับ  รับไว้ไหมครับ  ถ้าคุณเอาสิทธิ์นั้นก็เป็นของคุณเดี๋ยวนี้    นี่คือการให้ที่ผู้ซื้อเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่าย  และบุคคลที่ครอบครองเครือข่ายคนนั้นก็จะครอบครองความมั่งคั่งตามเชื่อไหมครับ  เพราะฉะนั้นเรื่องราวทั้งหมดสรุปก็มีอยู่เท่านี้แหละครับ  แต่พอเราไปเล่าเรื่องแอมเวย์  ไปบอกว่าให้มาร่วมเครือข่ายกับแอมเวย์  คนก็บอกว่ากลัว  ของแพง  คนทำเยอะ  ขายยาก  ข้างบ้านทำยังเลิกเลย  มันเป็นกรอบความคิดเดิมที่คนเชื่อกันอย่างนั้นใช่ไหมครับ  แต่หลังจากนี้ทุกท่านจะได้ความคิดใหม่ๆกลับไปแน่นอน  แต่เชื่อไหมครับ  กว่าที่คุณจะชวนคนมาได้  2,000  คน  คุณอาจจะชวนคนเป็น  10  คนเป็นร้อยคนก็อาจจะยังไม่เชื่อคุณเลย ถ้าเป็นแบบนี้แล้วคุณยังจะชวนต่อคนที่  101  มั้ยครับ  ชวนต่อไหมครับ  คนเราอยู่ในโอกาสทางธุรกิจที่พื้นๆง่ายๆธรรมดาๆ  จะกลับกลายเป็นมองไม่เห็น  เค้าบอกว่า  “นกไม่เห็นฟ้า  ปลาไม่เห็นน้ำ”  ผู้คนอยู่ท่ามกลางโอกาสแต่กลับมองไม่เห็น  ผู้คนกำลังวิ่งหาในสิ่งที่ตัวเองวิ่งหนี  สิ่งที่มนุษย์ใฝ่ฝันแสวงหาคือ  อิสรภาพ  ทางการเงิน  เวลา  และอยากมีความสุข  มีความมั่นคงในชีวิต  ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีให้คุณในธุรกิจแอมเวย์อยู่แล้ว  แต่ผู้คนกลับวิ่งหนีแอมเวย์  คนส่วนใหญ่วิ่งหาในสิ่งที่ตัวเองวิ่งหนี  แล้วมันจะเจอมั้ยครับ  ยังงัยก็ไม่เจอวันยังค่ำ  หนังสือ  “Business  Week”  พูดถึงบริษัทที่จะยังคงอยู่ 1,000  บริษัทแรก  เค้าบอกว่า  “ธุรกิจในโลกอนาคต  ที่เป็นธุรกิจระดับโลกในระบบทุนนิยม”  การตลาดใดก็แล้วแต่ที่อยู่ในระบบทุนนิยม  1,000  บริษัทแรกจะมีโครงสร้างต่อไปนี้ที่ยังคงอยู่
ธุรกิจระดับแนวหน้าที่ยังคงอยู่  1,000  อันดับแรกจะมี  ระบบสื่อสาร  เครือข่ายคอมพิวเตอร์  มือถือ  ที่จะยังคงอยู่  และก็จะมีธุรกิจแบบเครือข่ายผู้บริโภค  จะยังคงเป็นธุรกิจที่อมตะมั่นคงไม่แพ้ระบบไฮเทคโนโลยีของมือถือด้วยซ้ำไป  และเรามีโอกาสที่จะทำธุรกิจเครือข่ายคอมพิวเตอร์  มือถือ  หรือยาสีฟัน  คุณคิดว่าอะไรที่เป็นโอกาสสำหรับเราครับ    หนังสือ  “Business  Work”  ขึ้นหน้าปกบอกว่า  “นี่คือยุคทองของระบบทุนนิยม”  Global  Capitalism  ระบบทุนนิยมก็คือ  ใช้กลไกการตลาด  ใช้กฎดีมาน –  ซัพพลาย  ใครใคร่ค้าค้า  ใครใคร่ขายขาย  ใครทำมากได้มาก  ใครทำน้อยก็ได้น้อย  ระบบทุนนิยมแบบนี้ก็ได้เจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้  แต่ก็มีบุคคลที่เชื่อว่าระบบทุนนิยมก็ไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุดในโลกนี้  เพราะระบบทุนนิยม  เป็นลักษณะปลาใหญ่กินปลาเล็ก  คนรวยก็จะรวยขึ้น  คนจนก็จะจนลง  คนจนที่ไม่มีโอกาส  ยิ่งไม่มีโอกาส  คนรวยที่มีโอกาสยิ่งมีโอกาส  มันหาความสำเร็จของผู้คนที่หลากหลายให้เท่าเทียมกัน เป็นไปไม่ได้  หลังจากนั้นมีบุคคลท่านหนึ่งชื่อ เจ แวนแอนเดล  เขาเป็นผู้ก่อตั้งแอมเวย์ ได้บอกไว้ว่า  ระบบทุนนิยมที่ดี  จะต้องเป็นระบบทุนนิยมที่เสรี  และระบบที่เสรี  จะต้องเป็นเสรีแบบเท่าเทียมกัน  ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก  ไม่ใช่มือใครยาวสาวได้สาวเอา  แต่ต้องเป็นระบบเสรีที่เท่าเทียมกัน  ประธานบริษัทแอมเวย์  Rich  Devos  เค้าบอกว่า  ระบบเสรีทุนนิยม จะต้องเป็นเสรีที่บวกความเมตตาเข้าไปด้วย  ระบบทุนนิยมแบบนี้  มันจะทำให้ผู้คนในสังคมที่อยู่ในโครงสร้างทางการตลาด  สามารถประสบความสำเร็จได้เท่าเทียมกัน  บนความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  โดยวัดผลลัพธ์ความสำเร็จของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบนี้ว่า  ถ้าใครต้องการรวยต้องแบ่งปันมากๆ  ถ้าใครต้องการมากต้องให้มากๆ  วัดความสำเร็จกันที่  “ได้ให้เท่าไหร่”  ไม่ได้วัดกันที่เอามาเท่าไหร่

โดย:  คิดดีโลกสวย  [12 ก.พ. 2557 16:27]
ข้อคิดเห็นที่ 34:36

ขอบคุณคุณคิดดีคิดสวยค่ะ เห็นด้วย...เพราะเรามีมันสมองดีๆไว้แยกแยะสิ่งถูกต้องและสิ่งดีๆ...

โดย:  นิวรอนบวก  [26 ก.พ. 2557 15:25]
ข้อคิดเห็นที่ 35:37

แปลกสินค้า ไม่ดี แล้วทำไม่เค้าอยู่มาได้ ทุกวันนี้ แปลก...ก็แสดงว่าสินค้าเค้าดี จิงๆ ถึงได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้

โดย:  SPOR  [26 มี.ค. 2557 21:24]
ข้อคิดเห็นที่ 36:38

คุณใช่มันให้หมดทุกตัวเลยแล้วจะรู้ ว่ากูเลิกใช้ไม่ได้อีกแล้ว

โดย:  oun  [7 เม.ย. 2557 14:51]
ข้อคิดเห็นที่ 37:39

อวดฉลาด..... ไปลองน่ะ แล้วค่อยมาสรุป

โดย:  ปันย่อน  [22 พ.ค. 2557 22:02]
ข้อคิดเห็นที่ 38:40

ไม่เคยใช้ของแอมเวย์แล้วทำเป็นอวดรู้  ถ้าคุณมาใช้ดูแล้วจะรู้ว่าดียังไง ไอ้...

โดย:  นักธุรกิจ แอมเวย์  [18 มิ.ย. 2557 12:09]
ข้อคิดเห็นที่ 39:41

เท่าที่ผมได้ลองใช้แล้วมันก็ดีนิครับ  ผมว่าคนที่โพสนาจะไปหาข้อมูนมาให้ดีก่อนนะครับผมว่าเขาหน้าจะมีปันหาเรื่องความคิดนะครับมีอะไรก็วิจานไปทั้วลองเปิดใจแล้วไปศึกษาให้ดีก่อนคอยโพสอวดองความรู้นะครับ  อย่าเอาความรู้อันน้อยนิของตนปิดกันความคิดขอนคนอื่นนะครับ  




โดย:  คนธรรมดา  [10 ก.ย. 2557 20:54]
ข้อคิดเห็นที่ 40:42

ผมว่ามันคือคุณภาพชีวิตที่เราจะเลือกใช้หรือไม่ใช้เท่านั้นเองครับคุณเลือกเองเองได้

โดย:  คิดบวก  [10 ก.ย. 2557 21:48]
ข้อคิดเห็นที่ 41:43

จริงๆเรื่องการทดลอง เราไม่ได้ใส่ใจ
แต่จากประสบการณ์ที่ได้ใช้ มันดีจริงๆ สุขภาพผิวดี ไม่แห้ง และสิวที่หละงลดลงจริงๆ แนะนำให้ลองใช้ จะได้ลองตัดสินจากประสบการณ์มากกว่า มานั่งสงสัยจากความคิดเห็นส่วนตัวครับ

โดย:  ผู้ใช้จริง  [26 ก.ย. 2557 11:40]
ข้อคิดเห็นที่ 42:44

ทำไมพูดแบบนั้นล่ะค่ะ คุณลองใช่จริงหรือยัง เราลองไช้มาแลัวแทบไม่อยากไช้ยี่ห้ออื่นเลยนอกจากแอมเวย์ ถ้าเปนพนักงานที่ตีองการขายผลิตภัณต์ยี่ห้อหนึ่งคุณจะพูดจุดเด่นหรือจุดด้อยของผลิตภัณฑ์สมองควรมีรอยหยักหน่อยน้ะค้ะก่อนจะวิจารว่าคนอื่นตอแหล

โดย:  คนใช้จริง  [27 ก.ย. 2557 12:47]
ข้อคิดเห็นที่ 43:45

คือผมทั้งทำแอมเวย์ และใช้. ผิวของผมไม่แห้ง. และชุ่มชื้นขึ้น และจุดนี้จึงอยากฟังนักเคมีของ amway มากกว่าเนอะ

โดย:  ผู้ใช้จริง 2  [3 ต.ค. 2557 11:56]
ข้อคิดเห็นที่ 44:46

ของๆ amway หรือของๆ ทุกๆที่ ไม่ได้ดีตามที่โฆษณาหรอกนะ
มันก็แค่การตลาดอย่างนึง แต่กลุ่ม amway เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายให้เป็นแบบลูกโซ่ ไม่มีการวางขายตามร้านค้าปีก จึงทำให้การตลาดของ amway นั้นดูจะเว่อร์ๆ หน่อย amway ไม่ได้ดีทุกอย่าง เช่นเดียวกับผลิคภัณฑ์อื่นๆ ตามท้องตลาด แต่ amway จะหาคนเป็นแบบลูกโซ่ไปเรื่อยๆ เป๋นเหมือนใยแมงมุม amway ก็เป็นแค่แบรน์ๆ แบร์น นึงเท่านั้น ทำสำหรับคนกลุ่มนึงเท่านั้น ถ้าอยากจะกระจายสินค้าก็ต้องหาคนไปเรื่อยๆ amway แค่ต้องการส่วนแบ่งตลาดที่เป็นของตนเอง ไม่ต้องการไปส่งร้านปลีกเพราะจะทำให้กำไรที่จะได้ลดลง amway เลยขายด้วยการบอกต่อๆ

โดย:  คนทั้วไปที่ไม่ได้เป็นดสวน์ไลท์  [16 ต.ค. 2557 22:56]
ข้อคิดเห็นที่ 45:64

ผมมองการสาธิต สินค้า เป็นการเปรียบเทียบ ให้เรามองเห็นภาพได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ซึ่งการ เกลือ ก็เปรียบได้กับเหงื่อของเรา ก็ถูกต้องแล้วครับ หรือ ถ้าบางคนเถียงคนแบบหัวชนฝา ก็จะบอกผมเอาน้ำมาผสมกับเกลือ คนน้ำไปมา เกลือก็ละลายแล้วครับ ไม่ต้องถูสบู่ หรอกครับ ดีกว่า ให้สบู่จับตัวเป็นก้อน อะไรแบบนี้ เถียงกันเพื่อเอาชนะ

สรุปว่า เราควร เอาส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ มาวิเคราะห์ดูนะครับ ว่าเป็นดีอย่างไร มีคุณภาพแตกต่างกันอย่างไร  หรือง่ายที่สุดนะครับ  คุณไปซื้อผลิตภัณฑ์แอมเวย์มาใช้ดูนะครับ  แล้วใช้ดี ไม่ถูกใจ คุณสามารถคืนสินค้าได้มูลค่า 100% อยู่แล้ว ดีมั้ยครับแบบนี้   ถ้าเป็นสินค้าท้องตลาด คุณซื้อสบู่มา ถูตัว แล้วไม่ชอบ คุณเอาไปเคยได้หรือไม่ครับ
ง่ายๆครับแบบนี้ พิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง ว่าใช้แล้วดีหรือไม่ ครับไม่ต้องเชื่อการสาธิต  เถียงกันไม่จบ กับการแย้งการสาธิต

โดย:  ผู้จำหน่ายแอมเวย์ ที่เคยปฏิเสธแอมเวย์  [21 ก.ย. 2558 20:00]
ข้อคิดเห็นที่ 46:65

ด้วยความเคารพ ทุกๆท่าน ไม่ทราบว่าเค้าจะใส่ไอ่ไขมันสัตว์ลงไปทำไมเยอะแยะขนาดนั้นครับถ้าไม่เพื่อการโกงครับ  ผมไม่เข้าข้างใครนะครับ  ผมใช้เจลอาบนำ้แอมเวย์มา1ขวดใช้ได้นานมาเลยครับ 8เดือน  ใช้แล้วสะอาดดีครับอยู่ได้เป้นวันไม่เหนอะหนะเหมือนของอื่นนะครับ แถมเทียบราคา กะประหยัดกว่าท้องตลาดมากมายครับ แค่เหตุผลนี้ มันคงพอแล้วจริงมั๊ยครับ ใช้จริงถึงรู้ครับไม่ใช้วิจารไป กะเท่านั้นครับผมบอกจริง

โดย:  คนใช้จริง  [9 มี.ค. 2559 21:35]
ข้อคิดเห็นที่ 47:66

เฮ้อ

โดย:  .  [14 ก.ค. 2559 08:28]
ข้อคิดเห็นที่ 48:68

เยี่ยมเลย คุณ เม้ง,คุณ คิดบวกจิตแจ่มใส

โดย:  แครอท  [20 ต.ค. 2559 11:18]
ข้อคิดเห็นที่ 49:69

คือดิฉัน ไม่เข้าใจว่า ทำไมคนบางคนถึงได้เกลียดแอมเวย์นัก,โจมตีนักหนา,ทั้งๆที่แอมเวย์คัดสรร สิ่งที่ดีที่สุดให้เราใช้ ถึงขนาดถ้าไม่พอใจ คืนเงิน 100% แค่นี้คุณก็น่าจะคิดได้
ไม่รู้จริง อย่าพูดดีกว่า

โดย:  คนใช้จริง  [20 ต.ค. 2559 11:24]
ข้อคิดเห็นที่ 50:72

ดิ้นกันชิบหายไอ้พวกแอมเวย์ แทนที่จะเอาความรู้ เอาเหตุผลมาเถียง ดันเอาความรู้สึกการใช้ผลิตภัณฑ์มาเถียง โถๆๆ บางคนยังเขียนภาษาไทยไม่ถูกเลยว่ะ มาเลย มาดิ้นอีก ใครกันแน่ย่ำอยู่กับที่เหรอคุณ คห.7 เขาเอาชื่อปฏิกิริยาเคมีมาบอกก็แล้วยังเถียงข้างๆ คูๆ อีก ถนัดแขวะคนมีความรู้ซะจริง ไปหมดละสมอง

โดย:  เบื่อติ่งแอมเวย์  [29 ส.ค. 2560 14:11]
ข้อคิดเห็นที่ 51:73

เอ่อ...ขอบคุณนะครับพี่ๆนักวิชาการทุกท่าน แล้วก็พี่ๆที่ทั้งอาจจะรักก็ดีหรือเกลียดแอมเวย์ก็ดีครับ คือว่าในด้านความรู้วิชาการพี่ๆที่ได้มาดีมากเลยครับขอบคุณมากครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ฉุกคิดและเป็นคนช่างสังเกตุครับ ไม่งั้นเราจะไม่รู้จักชื่อปฏิกริยาทั้งหลายที่พี่ๆนักวิชาการวิทยาศาสตร์ทั้งหลายกล่าวมาครับ

ผมเองในฐานะนักธุรกิจแอมเวย์ซึ่งก็ได้ใช้สินค้าดังกล่าวมาและเห็นการสาธิตตามที่จขกท.กล่าวมาหลายรอบและยอมรับเลยว่าการสาธิตหลายๆอย่างถ้านำความรู้ทางวิชาการมาอธิบายถกกันคงจะไม่น่าใช้แน่นอนครับ ณ จุดนี้อยากชี้แจงว่าสินค้าทุกตัวที่นักธุรกิจสาธิตให้ทุกคนเห็นมันเป็นเพียงแค่ต้องการแสดงให้ทุกคนทราบว่า”ผลิตภัณฑ์ของบริษัทใช้ได้ดีนะ ลองสิ” แค่นี้เองครับ แต่การจะไปบอกท่านแบบนั้น โดยปรกติแล้วไม่มีใครซื้อหรอกครับ ดังนั้นเขาจึงแค่อยากทำให้มันดูเป็นรูปธรรมขึ้นมาเฉยๆครับ ในทางการตลาด ไม่มีหรอกครับใครจะเอาข้อมูลการทำปฏิกริยาระหว่างสารสองตัวมาเฉลยให้ฟังกัน มันไม่ใช่ชั่วโมงเรียนวิทยาศาสตร์ครับ ดังนั้น นักธุรกิจ=พ่อค้า ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ครับ เรามาเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนที่มีปัญหาครับ

ดังนั้นการคาดหวังของใครบางคนที่จะให้อธิบายสินค้าเชิงวิชาการ คงต้องติดต่อไปที่ตัวนักวิทยาศาสตร์ที่รับหน้าที่คิดค้นผลิตภัณฑ์ละครับ ซึ่งผมก็มองว่าจุดนี้มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ถ้าจะต้องถึงขั้นโทรหาหรือติดต่อฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดังนั้นถ้าท่านไม่ได้อยากซื้อ หรือแค่เกลียด แอมเวย์ ด้วยประการใดก็ตามแต่ ก็ไม่เป็นไรครับ ผมแค่มาชี้แจงในส่วนของนักธุรกิจเพียงเท่านี้ครับ

(คอมเม้นนี้ไม่พาดพิงถึงกลุ่มใดๆ ครับมาเพียงชี้แจงจุดยืนของนักธุรกิจเท่านั้นครับ)

โดย:  นักธุรกิจแอมเวย์  [12 ม.ค. 2561 23:26]
ข้อคิดเห็นที่ 52:74

ผมอ่านกระทู้นี่เเล้ว จะไปเอาอะไรกบคำอุปมาอุปมั้ยเพียงเเค่เปนวิธีนึงในการตลาด
ในการเพ่มศรัธาในการตัดสินใจเท่านั้น   ผมก็ดุคนที่ในยูทูปสาธิตเหมีอนกัน เเต่ผมไม่ถีอเปนจิงเปนจังเท่าไหร่   ผมไปฃี้อมาลองฃี้อมาใช้ด้วยตัวเองเลยครับทั้งยาสีฟัน ครีมอาบน้ำ ไม่ทราบ่าครีมอาบน้ำณปัจจุบันนี้กับที่เจ้าของกระทู้ได้ตั้งขี้นตัวเดียวกันปล่าว  หรีอตัวครีมอาบปัจจุบันนี้ได้พัฒนาขี้นมายัง  เเต่ผมได้ใช้เเล้วเเค่วันเดียว  ถ้าใช้ไปอีกนานนๆๆเเล้วได้ผลอย่างไรหรีอไม่ตรงควมจิงจะมาเม้นอีกทีครับ  จะลองเปรียบเทียบกับของฃูเลียนที่ผมเคยใช้มา  

โดย:  ต้องลองถึงจะรู้  [7 มี.ค. 2561 10:59]
ข้อคิดเห็นที่ 53:75

ไม่แปลกที่ตัวยาจะทั้งข้น หรือไม่ข้น มันเป็นการทำงานของ Surfactant ในโครงสูตร
และ โครงสูตรแต่ละยี่ห้อ มีการเลือกใช้ Surfactant คนละประเภท การ build up ความข้นที่เลือกใช้ก็ต่างกัน แต่โครงสูตรโดยทั่วไปนั้นจะเลือกปรับความข้นขึ้นลงด้วย NaCl หรือเกลือ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายเวลาขึ้น Production ดังนั้นการใส่เกลือมากเกินไปจนทำให้ตัวยาข้นขึ้น จนจับกันเป็นก้อนเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ได้มีไรผิดปกติ แต่เค้าก็จะมีการตั้ง Spec เพื่อให้เหมาะสมกับภาชนะที่จะขาย ในขณะเดียวกันบางโครงสูตรไม่ได้ปรับความข้นด้วยเกลือ แต่ปรับความข้นด้วยสารกลุ่ม Thickener ตัวอื่น ไม่แปลกที่จะเติมเกลือแล้วไม่ส่งผลกระทบใดๆ แต่ไม่สามารถเอาพูดเพื่อโจมตีค่ายอื่นทั้งที่ตัวเองก็ท่องสคริบที่ถูกสอนมาแบบไม่รู้จริงแบบนี้นะค่ะ

โดย:  คนทำสูตร  [4 ก.ค. 2561 09:39]
ข้อคิดเห็นที่ 54:76

การสาธิตทุกอย่างของทุกสินค้าแอมเวย์ อยู่บนพื้นฐานเดียวกันทั่วโลก ทุกประเทศที่ขายแอมเวย์ ใช้การสาธิตแบบเดียวกันหมด ถ้าหากบอกว่าเป็นการโกหก คงถูกฟ้องร้องกันหมดแล้ว โดยเฉพาะประเทศอเมริกา ที่มีเสรีภาพมาก มีการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมาก ยังไม่มีปัญหาใดๆ แรกๆผมเองก็คิดว่าเป็นสิ่งหลอกลวง (ผมเองก็เป็นนักเคมี) แต่ในความเป็นจริงของการสาธิตดังกล่าว คือการจำลองภาพให้เราได้เห็นถึงหลักการทำงานของสินค้า เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น คนที่ออกมาต่อต้าน โจมตี มักจะเป็นคนที่มีอคติเชิงลบ และอาจไม่เคยได้ใช้สินค้าเลยด้วยซ้ำ เป็นเพียงฟังเขาเล่ามา แล้วมามโนตามคนที่มีอคติลบ

โดย:  เจ้าของกิจการแอมเวย์  [29 มิ.ย. 2563 12:07]
ข้อคิดเห็นที่ 55:77

เราคนหนึ่งที่ใช้สบู่ทั่วไปท้องตลาดแล้วสิวขึ้นที่หลังผิวแห้งแพ้ง่าย มีโอกาสได้เห็นสาธิตของแอมเวย์ ถึงบางอ๋อว่าทำไมสิวขึ้น เปิดใจใช้แอมเวย์มาเป็นสิบปีแล้วประทับใจ ลองดูนะคุณถ้าใช้แล้วไม่พอใจเค้ายินดีคืนเงิน  มียี่ห้ออะไรบ้างใช้แล้วไม่พอใจคืนเงิน เขารับแระกันความพอใจนะ

โดย:  ผู้ใช้  [19 พ.ค. 2566 14:30]
หากท่านต้องการถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อคำถามนี้ กรุณากดปุ่มนี้

หากท่านต้องการแสดงข้อคิดเห็นหรือแสดงความคิดเห็นที่อยู่ในประเด็นเดียวกับหัวข้อนี้ ให้กรอกข้อมูล แล้วกดปุ่มส่งข้อความด้านล่างนี้