|
ข้อคิดเห็นที่
1 ของผู้ทรงคุณวุฒิ : บรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับบรรจุสินค้าอันตรายทุกประเภทจะต้องผ่านการทดสอบบรรจุภัณฑ์ตามมาตรฐานของสหประชาชาติ (มี UN mark) ซึ่งจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการทดสอบที่กำหนดไว้โดยสหประชาชาติ หากสินค้าหรือสารเคมีไม่เป็นสินค้าอันตรายสามารถใช้บรรจุภัณฑ์ทั่วไปได้แต่ยังต้องมีการทดสอบบางประเภทเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทีความแข็งแรงเพียงพอต่อการขนส่ง ในประเทศไทยมีหน่วยงานที่สามารถทดสอบบรรจุภัณฑ์ตามข้อกำหนดของสหประชาชาติได้คือศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย(ศบท.) แต่หน่วยงานที่สามารถออกรหัสของสหประชาชาติได้คือกรมเจ้าท่าโดยใช้รหัส MD. แต่ปัญหาของประเทศไทยคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ เช่นผู้ประกอบการในท่าอากาศยานยังไม่ยอมรับบรรจุภัณฑ์รหัส MD ของกรมเจ้าท่าสำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศ. ดังนั้นผู้ส่งออกจึงจำเป็นต้องจัดหาบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากต่างประเทศมาใช้งานแทน ปริมาณขนส่งต่อบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบและรับรองจากสหประชาชาติจะสามารถขนส่งได้มากกว่าบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบครับ โดย: เฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์ [3 ธ.ค. 2555 21:23] |
ข้อคิดเห็นที่
2 ของผู้ทรงคุณวุฒิ : เท่าที่เคยสอบถามผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติพบว่ากลไกการทดสอบและรับรองบรรจุภัณฑ์ตามมาตรฐานของสหประชาชาติเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบของประเทศไทย (competent authority). นั่นแปลว่าสามารถดำเนินการเองได้โดยหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ. แต่จำเป็นต้องดำเนินการทดสอบตามมาตรฐานที่สหประชาชาติกำหนดไว้ แต่ปัญหาของเรายังขาดการบูรณาการทำให้การทดสอบรับรองและยอมรับยังมีข้อจำกัดในหลายๆด้านดังที่กล่าวไว้ข้างต้นครับ. แต่ใจเย็นๆครับ กลไกต่างๆกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นแต่อาจต้องใช้เวลาสักเลยน้อยในการขับเคลื่อนและปรับเปลี่ยนกระบวนการครับ ลืมตอบไปคำถามหนึ่งว่าแล้วใครไปขออนุญาต. คำตอบคือผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์นั้นๆครับ. แต่มีหลายกรณีเช่นกันที่ผู้ผลิตสารเคมีดำเนินการขอรหัสเองก็มีครับ ในกรณีที่ใช้บรรจุภัณฑ์นั้นบ่อยมากๆและเป็นกิิจลักษณะเช่นขนส่งประจำและบ่อยๆครับ โดย: เฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์ [3 ธ.ค. 2555 21:34] |