สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
ถาม-ตอบ

อยากทราบคำตอบมากๆเลยคะเรื่องปรอท

พอดีจะวัดไข้ลูก เกิดได้ 20 วันค่ะ แต่สบัดแรงมากไปหน่อยค่ะ หัวเงินตรงปลายปรอทหลุด สารปรอทสีเงิน เป็นเม็ดๆ ตกลงบนเตียงลูก ไม่รู้โดนตัวลูกตรงไหนบ้าง แต่เปลี่ยนที่นอน และเสื้อผ้าให้ลูกจะเป็นไรมั้ยค่ะ ร้อนใจมากค่ะ ไม่ได้ใส่ปูนขาว หรือทรายไรค่ะ เพราะไม่มี แต่เปิดให้อากาศระบายแล้ว ลูกจะได้รับสารมากมั้ยค่ะ และที่คนอื่นบอกว่าไม่เป็นอันตรายมาก เพราะสารปรอทในปรอทวัดไข้จะไม่ดูดซึมเข้าผิวหนัง และไม่มีไอ เป็นเรื่องจริงมั้ยค่ะ และจะมีผลต่อสมองลูกมั้ยค่ะ ควรพาไปตรวจเลือดดูระดับสารรึเปล่าค่ะ กรุณาช่วยตอบด่วนนะค่ะ ขอคุณค่ะ

โดย:  ying   [12 ก.พ. 2557 00:13]
ข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิจะแสดงในกรอบสีเขียว ส่วนข้อคิดเห็นหรือความเห็นจากผู้อื่นจะแสดงในกรอบปกติ
ข้อคิดเห็นที่ 1:1

สารปรอทในปรอทวัดไข้จะไม่ดูดซึมเข้าผิวหนัง และไม่มีไอ = myths

โดย:  Pb  [12 ก.พ. 2557 09:59]
ข้อคิดเห็นที่ 2:2

http://www.toysrus.com/family/index.jsp?categoryId=2256215

ไม่น่าแพงเกินไปสำหรับลูก

โดย:  Pb  [12 ก.พ. 2557 10:03]
ข้อคิดเห็นที่ 3:3

เรียน คุณญิ๋ง

เคยมีผู้ถามในเรื่องใกล้เคียงกัน ในหัวข้อที่ 04893 ครับ

อย่างไรก็ตาม ผมขออนุญาตินำเสนอข้อมูลด้านพิษวิทยาของปรอท จากศูนย์ข้อมูลพิษวิทยา โดยคุณ จิราภรณ์ อ่ำพันธ์ (ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ พิษณุโลก) ดังนี้ครับ

ปรอทเป็นโลหะสีขาวคล้ายเงิน เป็นของเหลวที่อุณหภูมิปกติ สามารถทำให้เป็นของแข็งได้แต่เปราะที่อุณหภูมิปกติ ปรอทสามารถระเหิดกลายเป็นไอได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ง่ายขึ้น

ประโยชน์ของปรอท
    - ใช้ในการทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ ปั๊มดูดอากาศ และเครื่องมือที่ใช้วัดความดันโลหิต
    - ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น สวิตช์อัตโนมัติสำหรับตู้เย็นและไฟฟ้ากระแสตรง
    - สารประกอบของปรอทใช้ในการทำวัตถุระเบิด
    - ซัลไฟด์ของปรอทใช้ทำสีแดงในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา
    - ออกไซด์ของปรอทใช้ในการทำสี เพื่อป้องกันมิให้แตกและลอกง่าย สำหรับนำไปใช้ทาใต้ท้องเรือ
    - ปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด สารละลายที่ได้เรียกว่าอะมาลกัม ดีบุกอะมาลกัมใช้ในการทำกระจกเงา เงิน-ดีบุกอะมาลกัมใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมปรอทกับโลหะผมระหว่างเงินกับดีบุก
    - ใช้ในอุตสาหกรรมทำหมวกสักหลาด

การเข้าสู่ร่างกาย
    ปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง เช่นเดียวกับสารพิษชนิดอื่นๆ คือ
    1.ทางการหายใจ โดยสูดเอาผง หรือไอปรอทเข้าสู่ปอด เนื่องจากปรอทสามารถระเหิดกลายเป็นไอได้ง่าย
    2.ทางปาก โดยการรับประทานเข้าไป มักเกิดจากอุบัติเหตุปะปนกับอาหารหรือน้ำดื่ม
    3.ทางผิวหนัง โดยการดูดซึม ไอระเหยหรือฝุ่นละอองของปรอททำให้ผิวหนังระคายเคืองเกิดโรคผิวหนังได้


พิษของปรอท
    ปรอทจะทำอันตรายต่อร่างกายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และปัจจัยดังนี้
    1.ทางที่พิษเข้าสู่ร่างกาย เช่น ทางผิวหนัง ทางระบบหายใจ หรือทางระบบย่อยอาหาร
    2.ปริมาณที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย
    3.ชนิดของสารปรอทที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและอวัยวะส่วนใดของร่างกายที่ได้รับพิษของปรอทในรูปเมทธิลหรืออัลคิล เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีพิษมากที่สุด


อาการพิษเกิดจากปรอท
    การเกิดพิษจากสารปรอทมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง พิษชนิดเฉียบพลันมักเกิดจากอุบัติเหตุโดยการกลืนกินสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้คนตายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม อาการที่เกิดจากการกลืนกินปรอท คือ
    -อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ
    -เลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร
    -มีอาการท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด
    -เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก
    -เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด
    -ตายในที่สุด


พิษชนิดเรื้อรัง
    ปรอทเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งได้แก่ สมอง และไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแขน ขา การพูด และยังทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไป เช่น การได้ยิน การมองเห็น ซึ่งอันตรายเหล่านี้ เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้กลับดีดังเดิมได้ อาการที่เป็นพิษมากเกิดจากการหายใจ ปอดอักเสบ มีอาการเจ็บหน้าอก มีไข้ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกและตายได้


การป้องกันอันตรายจากปรอท
    -ใช้สารอื่นที่เป็นพิษน้อยกว่าแทนสารปรอท เช่น ใช้สารแอมโมเนียของเงินแทนสารประกอบของปรอทในการทำกระจกเงา
    -ในกรณีที่มีการรั่วของปรอทให้นำภาชนะที่มีน้ำมารองรับเพื่อป้องกันการระเหิดของปรอท
    -สวมเสื้อคลุมและถุงมือ เมื่อต้องจับหรือสัมผัสปรอท
    -จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่ต้องใช้ปรอทเพื่อดูดเอาไอของปรอทที่กระจายอยู่ในบรรยากาศออกไปและทำการกักเก็บมิให้ฟุ้งกระจายไปยังที่อื่น เพื่อให้อากาศในบริเวณพื้นที่ใช้งานบริสุทธิ์ หรือควรมีการกำจัดปรอทอินทรีย์จากโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกต้อง
    -ตรวจสอบหาปริมาณของปรอทในบรรยากาศบริเวณใช้งานให้อยู่ในมาตรฐานที่ควบคุมอยู่เสมอ
    -สารปรอทและสารประกอบของปรอทควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันการระเหิดของปรอท


ผมขอเสริมอีกเล็กน้อยครับ เท่าที่ทราบคือการกำจัดปรอทออกจากร่างกายนั้นเป็นไปได้ยาก คือมีการตกค้างในร่างกาย ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยง ไม่สัมผัสมันจะเป็นวิธีป้องกันอันตรายที่ดีที่สุด และปรอทก็สามารถปะปนออกมาทางน้ำนมได้ด้วยครับ
แต่ คุณญิ๋งไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะครับ เพราะดูๆแล้ว source ของมันก็มีปริมาณต่ำมาก ผมเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลต่อคุณหรือทารกนะครับ อย่างไรก็ตาม อย่าประมาท และไม่สัมผัสมัน จะดีที่สุดครับ

วิธีง่ายๆที่จะดูว่า ยังมีเม็ดปรอทตกค้างไม๊ ให้คุณญิ๋งปิดไฟให้มืด แล้วใช้ไฟฉายส่องดู ถ้ายังมีเม็ดปรอทตกค้างอยู่ ก็จะเห็นเป็นสีโลหะวาวๆสะท้อนออกมาครับ ถ้าพบก็ให้จัดการเก็บออกให้ถูกต้องนะครับ (ทางที่ดี ใช้ผงกำมะถันโรยลงไปก่อนแล้วค่อยเก็บกวาด ก็จะช่วยลดพิษของมันได้นะครับ)

หวังว่าคุณญิ๋งและลูก มีสุขภาพดีและแข็งแรงๆนะครับ

ขอแสดงความนับถือ
Prasit

โดย:  Prasit  [12 ก.พ. 2557 15:16]
ข้อคิดเห็นที่ 4:4

อ้อ ลืมตอบไปบางข้อนะครับ
1. ปรอทมีความดันไอสูง สามารถระเหิดกลายเป็นไอได้ ที่บอกว่าไม่มีการกลายเป็นไอนั้น ไม่จริงครับ
2. การที่ปอทตกใส่ในปริมาณต่ำๆแบบนี้ พร้อมทั้งได้กำจัดออกไปแล้ว คุณญิ๋งไม่ต้องกังวลเรื่องพิษปรอทที่จะเข้าสู่ร่างกาย และ ไม่จำเป็นต้องไปตรวจเลือดหรอกครับ เปลืองและเจ็บตัวเปล่าๆ สำคัญว่าอย่าให้เข้าปากก็แล้วกันนะครับ

โชคดีนะครับท่าน

โดย:  Prasit  [12 ก.พ. 2557 15:21]
ข้อคิดเห็นที่ 5:5

ขอบคุณมากคะ  ได้ทั้งคำตอบและความรู้   สบายใจขึ้นมากเลยคะ

โดย:  ying  [12 ก.พ. 2557 22:02]
หากท่านต้องการถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อคำถามนี้ กรุณากดปุ่มนี้

หากท่านต้องการแสดงข้อคิดเห็นหรือแสดงความคิดเห็นที่อยู่ในประเด็นเดียวกับหัวข้อนี้ ให้กรอกข้อมูล แล้วกดปุ่มส่งข้อความด้านล่างนี้