สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
บอกข่าวเล่าความ

บังคับรถยนต์ผลิตใหม่ต้องได้มาตรฐาน EURO 4

ผู้เขียน: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันที่: 4 มิ.ย. 2551

            คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติให้น้ำมันเชื้อเพลิงและรถยนต์ที่ผลิตใหม่เป็นไปตามมาตรฐาน EURO4 มีผลบังคับตั้งแต่ 1มกราคม 2555 ชี้ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ

            ที่กรมควบคุมมลพิษ นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีมติออกข้อบังคับให้คุณภาพน้ำมันและรถยนต์ที่ผลิตใหม่ได้มาตรฐาน EURO 4 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ซึ่งจะช่วยลดการระบายมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะการลดกำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 7-10 เท่า จะส่งผลให้มลพิษในบรรยากาศลดลง ทั้งนี้ จากการประเมินผลการลดกำมะถันในน้ำมันดีเซลในเบื้องต้นเฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร จะช่วยลดฝุ่นละอองสู่บรรยากาศได้ถึง 1,732 ตันต่อปี ระดับฝุ่นละอองในบรรยากาศลดลงถึง 4.05 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่าผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยที่ลดลงถึง 22,680–56,700 ล้านบาท/ปี

            อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นมาตรการที่สำคัญในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ ที่คพ.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นระยะๆ เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง และให้สอดคล้องกับการปรับปรุงมาตรฐานการระบายไอเสียจากรถที่ผลิตขึ้นใหม่ โดยอ้างอิงมาตรฐานของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลทั่วโลก และสอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ ส่งผลให้ยานพาหนะใหม่ในประเทศไทยมีการระบายมลพิษน้อยลงและมีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกต่างประเทศและเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงในเอเชีย จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงและรถยนต์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 

            ในส่วนของการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน EURO 4 โดยน้ำมันเบนชินและแก๊สโซฮอล์ ได้เพิ่มข้อกำหนดสารโอเลฟินไม่สูงกว่าร้อยละ 18 โดยปริมาตร ลดสารตะกั่วจากไม่สูงกว่า 0.013 กรัม/ลิตร เป็นไม่สูงกว่า 0.005 กรัม/ลิตร ลดกำมะถันจากไม่สูงกว่า 500 ส่วนในล้านส่วน เป็นไม่สูงกว่า 50 ส่วนในล้านส่วน และลดสารเบนซีนจากไม่สูงกว่าร้อยละ 3.5 เป็นไม่สูงกว่าร้อยละ 1.0 โดยปริมาตร ส่วนน้ำมันดีเซล เพิ่มข้อกำหนดคุณภาพ Polycyclic Aromatic Hydrocarbon (PAH) ไม่สูงกว่าร้อยละ 11 โดยน้ำหนัก ปรับลดปริมาณกำมะถันจากไม่สูงกว่า 350 ส่วนในล้านส่วน เป็นไม่สูงกว่า 50 ส่วนในล้านส่วน และเพิ่มค่ามีเทนและดัชนีมีเทนจากไม่ต่ำกว่า 47 หน่วย เป็นไม่ต่ำกว่า 50 หน่วย

            นอกจากนี้ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวอีกว่า การปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศเริ่มมีการดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2526 โดยมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นลำดับ ได้แก่ การลดสารตะกั่วในน้ำมันเบนซิน การลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันเบนซินและดีเซล การลดปริมาณสารก่อมะเร็งในน้ำมันเบนซินและดีเซล เป็นต้น โดยการลดสารตะกั่วในน้ำมันเบนซินส่งผลให้ระดับตะกั่วในพื้นที่กรุงเทพมหานครลดลงอย่างชัดเจน และจากมาตรการลดกำมะถันในน้ำมันดีเซลตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 และการใช้รถยนต์มาตรฐาน EURO 3 มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ซึ่งเป็นมาตรการส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพมหานครลดลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และในปี 2555 คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงและรถยนต์ผลิตใหม่ต้องได้มาตรฐาน EURO 4


ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2551

  สารเคมีที่เกี่ยวข้อง:
Benzene
Lead
Sulfur
  เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง:
บอกข่าวเล่าความ - จีนห้ามขายรถยนต์ที่ปล่อยไอเสียไม่ได้มาตรฐาน
 
  ข้อคิดเห็น
   

ขอเชิญร่วมแสดงข้อคิดเห็น