เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง แจ้งว่ามีแก๊สรั่วจากโรงงานปิโตรเคมี ซึ่งตั้งอยู่หลังหมู่บ้านได้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านในหมู่บ้านมีอาการแสบตา แสบจมูก วิงเวียนศีรษะ จนต้องปิดบ้านเผ่นหนีออกไปจากหมู่บ้าน ผักสวนครัวแห้งตาย ต้นยูคาลิปตัสใบเหลืองคาต้น รวมทั้งต้นมะขามใบร่วงเกลื่อนพื้น
       
            นายชวลิต พุมลาวงษ์ อายุ 42 ปี เลขที่ 170/3 หมู่ 4 ตำบลตะพง เปิดเผยว่า ปัจจุบันตนเองป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงเวลาบ่ายวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะที่นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ได้กลิ่นเหม็นจนแสบตาแสบจมูก หายใจเข้าไปจนรู้สึกมีอาการแสบท้อง ต้องปิดประตูหน้าบ้านเผ่นหนีออกไปให้ไกลจากบริเวณนั้น ตกเย็นสังเกตเห็นแปลงผักสวนครัว ต้นพริก ใบกะเพรา แห้งตายเป็นจำนวนมาก สอบถามบ้านข้างเคียงก็ได้กลิ่นเหม็นเช่นเดียวกัน ผักสวนครัวแห้งตายเหมือนกัน จึงได้แจ้ง นายรังสรรค์ กุลนิล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 และได้เดินทางมาพิสูจน์ด้วยตนเอง พร้อมกับแจ้งพนักงานโรงงานไออาร์พีซี และ พนักงานคาร์โปรแล็คตั้ม ที่อยู่ติดด้านหลังหมู่บ้าน ให้มาดูข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นชาวบ้านบอกว่าพนักงานดังกล่าวยังปิดปากเงียบต่างคนต่างไม่ยอมรับ
       
            นายวิจารณ์ แย้มกลิ่น อายุ 48 ปี เลขที่ 130/4 หมู่ 4 เปิดเผยว่า ตนนเองก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีกลิ่นเหม็นมาก จนต้องใช้อุปกรณ์ปิดจมูก เพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว รุ่งเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม ก็มีกลิ่นเหม็นอีกจนชาวบ้านบางคนต้องเผ่นหนีออกไปให้ไกลจากหมู่บ้าน 
       
            จากนั้นชาวบ้านได้พาไปดูบริเวณปล่องสารพิษของโรงงานดังกล่าว โดยมีต้นสนปลูกเป็นแนวป้องกัน ติดกันเป็นต้นกระถินป่าต้นใหญ่ ต้นยูคาลิปตัส และต้นมะขาม ต้นไม้ทั้งหมดได้รับสารพิษจนทำให้ใบมีสีเหลืองและร่วงเกลื่อนพื้น พืชผักสวนครัวก็แห้งตายคาต้น
       
            นายสุทธิ อัชฌาศัย นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนและเดินทางมาดูข้อเท็จจริง จะทำบันทึกเสนอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมควบคุมมลพิษ นำเรื่องนี้เสนอไปยังหน่วยงานสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อใช้มาตรการทางกฎหมายเล่นงานโรงงานดังกล่าว ซึ่งในกรณีนี้ทำให้ทรัพย์สินของเกษตรกรได้รับความเสียหาย และจะเก็บใบไม้ที่ร่วงหล่นไปตรวจที่ห้องแล็บของมหาวิทยาลัยมหิดลและศิลปากร หลังตรวจใบไม้ตัวอย่างหากพบว่ามีสารปนเปื้อนชนิดใด ก็จะรู้ต้นตอที่มาของโรงงานต้นเหตุได้
       
            ชาวบ้านกล่าต่ออีกว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้วเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว ชาวบ้านทนกับสารพิษที่ส่งกลิ่นเหม็นไม่ไหวต้องเผ่นหนีไปให้ไกลจากหมู่บ้าน ต้นไม้ของชาวบ้านยืนต้นตายจำนวนมาก และถึงวันนี้ยังไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบได้ จึงขอฝากเรียนไปยัง นายชิดพงษ์ ฤทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองคนใหม่ ที่ใครๆ ชมว่า เป็นคนที่ตั้งใจจะทำให้คนระยองอยู่ร่วมกับโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างยั่งยืนนั้น ก่อนอื่นขอให้นำเงินกองทุนระยองแข็งแรงออกมาช่วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากโรงงาน ก่อนที่ชาวบ้านจะไม่แข็งแรง