ยูเอ็นออกรายงานระบุปริมาณก๊าซเรือนกระจก ยังคงเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา รวมทั้งการเจริญเติบโตทางอุตสาหกรรมของจีนและอินเดีย
สหประชาชาติ (ยูเอ็น) รายงานว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว (2550) แสดงให้เห็นว่าความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประสบความล้มเหลว เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศที่ปล่อยก๊าซมากที่สุดในโลก
องค์กรอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติรายงานว่า ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกตัวหลักที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ มีการขยายตัวถึง 0.5% ในปี 2550 เมื่อเทียบกับปี 2549
ทั้งนี้ ตัวแทนจาก 190 ประเทศจะเข้าประชุมร่วมกันที่เมืองปอซนาน ประเทศโปแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2551 เพื่อร่างสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ เนื่องจากสนธิสัญญาเกียวโตที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะหมดอายุในปี 2555 ซึ่งไม่สามารถทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงได้ เพราะสหรัฐอเมริกาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาต่างเร่งขยายอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในประเทศของตน
"การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุเนื่องมาจากไม่มีการควบคุมการใช้รถและการผลิตถ่านหิน" สตีเฟน ชไนเดอร์ สมาชิกคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ กล่าว "อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักที่ทำให้ก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นคือประเทศจีนและประเทศอินเดียที่กำลังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว" สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงาน
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 |