กรมปศุสัตว์ เผยผลการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงในสุกรยังมีผู้ลักลอบใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัดส่วนของการใช้ปีนี้น้อยกว่าช่วงที่ผ่านมาเพียงร้อยละ 2.03 พร้อมกับเร่งปราบการใช้สารเร่งเนื้อแดงในฟาร์มสุกรตั้งเป้าให้หมดไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นประเทศผู้นำเข้าสินค้าปศุสัตว์ ขู่เพิกถอนใบรับรองทันทีที่ตรวจพบ
นายสัตวแพทย์ศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงหรือสารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ในสุกรซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2546 นั้น กรมฯได้ให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างปัสสาวะจากฟาร์มสุกรและโรงฆ่าสัตว์ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 449,893 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นตัวอย่างปัสสาวะสุกรจากโรงฆ่าสัตว์ ทั่วประเทศ จำนวน 128,248 ตัวอย่างและจากฟาร์มสุกรทั่วประเทศ จำนวน 321,645 ตัวอย่างได้ดำเนินการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างปัสสาวะและรายงานผลการตรวจวิเคราะห์แล้ว 437,491 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 97.24
ทั้งนี้ได้มีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด โดยคณะทำงานเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงหรือสารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ในสุกรเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดและสำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยทั่วประเทศ ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2525 ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่กระทำความผิดโดยในเดือนตุลาคม 2550 เป็นผู้เลี้ยงสุกรจำนวน 3 ราย
โดยมีฟาร์มสุกรที่ถูกดำเนินคดีในท้องที่ 2 จังหวัดส่วนสุกรที่ตรวจพบสารฯในปัสสาวะจะถูกกักห้ามเคลื่อนย้ายและถูกสุ่มเก็บตัวอย่างปัสสาวะตรวจทุก 2 วันจนไม่พบสารเร่งเนื้อแดงในปัสสาวะแล้ว จึงจะขายเข้าโรงฆ่าสัตว์ได้ ซึ่งในเดือนตุลาคม 2550 ได้กักสุกร จำนวน 371 ตัว ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการฯได้สั่งกักสุกรแล้ว จำนวน 351,581 ตัว
ทั้งนี้จากรายงานของศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์พบว่าผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2538 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2549พบสารต้องห้ามคิดเป็น 2.52 % ซึ่งเปรียบเทียบกับระยะเวลาดังกล่าวในปี 2550 พบว่าสารต้องห้ามลดลงเหลือเพียง 2.03%
อย่างไรก็ตามกรมปศุสัตว์ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องดำเนินการปราบปรามการใช้สารต้องห้ามในฟาร์มสุกรให้หมดไปจากประเทศไทยโดยเร็วเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้นำเข้าสินค้าปศุสัตว์ โดยจะเข้มงวดตรวจสอบในฟาร์มมาตรฐานที่ได้รับใบรับรองจากกรมปศุสัตว์แล้วถ้าตรวจพบกรมปศุสัตว์จะเพิกถอนใบรับรองทันที
กรมฯได้รณรงค์ตรวจสอบฟาร์มสุกรทั่วประเทศให้ปลอดจากสารกลุ่ม-เบต้าอะโกนิสต์ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยให้สำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัย สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดและศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ทั่วประเทศ ระดมกำลังเข้าตรวจสอบฟาร์มทุกฟาร์ม(เอ็กซเรย์พื้นที่) และดำเนินคดีกับฟาร์มสุกร ทุกฟาร์มที่พบมีการลักลอบใช้สารดังกล่าว อย่างไรก็ตามในปัจจุบันประเทศไทยและต่างประเทศได้ห้ามใช้สารกลุ่มนี้ในการผลิตอาหารสัตว์โดยเด็ดขาด
กรมปศุสัตว์จึงขอความร่วมมือมายังฟาร์มสุกรทั่วประเทศและประชาชนทั่วไปที่ทราบเบาะแสการลักลอบนำเข้าผลิตหรือขายสารเร่งเนื้อแดง ยาสัตว์หรือเภสัชเคมีภัณฑ์เถื่อนแก่ฟาร์มสุกรโปรดแจ้งข้อมูลมายังกรมปศุสัตว์ หมายเลขโทรศัพท์ 02 653 4555 หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงได้หมดไป และเนื้อสุกรมีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคเนื่องจากการบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างอยู่อาจมีอาการมือสั่น กล้ามเนื้อกระตุกปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กระวนกระวาย วิงเวียนศีรษะ
ทั้งนี้บางรายมีอาการเป็นลมคลื่นไส้อาเจียน มีอาการทางจิตประสาท และเป็นอันตรายมากสำหรับหญิงมีครรภ์และผู้ที่เป็นโรคหัวใจความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคไฮเปอร์ไธรอยด์ ส่วนวิธีการหลีกเลี่ยงอันตรายจากสารเร่งเนื้อแดงนั้นผู้บริโภคควรเลือกเนื้อสุกรที่มีสีชมพูหรือแดงเรื่อๆ สีไม่แดงสดจนเกินไป มีมันหนาบริเวณสันหลังถ้าตัดขวางจะเห็นมันแทรกระหว่างกล้ามเนื้อได้ชัดเจน เมื่อเอานิ้วมือกดเนื้อจะบุ๋มลงไปตามแรงกด
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2550 |