ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ ตรวจพบยาน้ำแผนโบราณที่มีส่วนผสมของสารเคมีห้ามใช้ถึง 182 ยี่ห้อ และบางผลิตภัณฑ์ที่ฉลากยังระบุให้รับประทานมากผิดปกติจนอาจเกิดอันตรายได้ พร้อมทั้งเตือนผู้บริโภคต้องระมัดระวังไม่รับประทานยาประเภทนี้บ่อยครั้ง เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่จะรับสารเคมีที่จะเข้าสู่ร่างกาย
นาวาอากาศตรีหญิงกัญรัตน์ ชลสินธุ์ เภสัชกรชำนาญการ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังคุณภาพยาน้ำแผนโบราณจากภาคเหนือ 17 จังหวัด และประเมินความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ 439 ตัวอย่าง 182 ยี่ห้อ แบ่งกลุ่มตามสรรพคุณที่แจ้งไว้ในฉลาก 9 กลุ่ม อาทิ ยาสตรีว่านชักมดลูก ยาแก้ไอ ยากุมารทรางตานขโมย ยาบำรุงร่างกาย ยาขับลม ยากะษัยแก้ปวดเมื่อย พบสารเคมีห้ามใช้ คือ แอลกอฮอล์ชนิดเมทานอลหรือแอลกอฮอล์จุดตะเกียงร้อยละ 15 ของตัวอย่าง แม้จะพบในปริมาณน้อยหรือไม่มีความเสี่ยงในการบริโภค เมื่อคำนวณจากขนาดรับประทานของยาน้ำแผนโบราณโดยทั่วไป 2 - 8 ช้อนโต๊ะต่อวัน แต่บางผลิตภัณฑ์ที่ฉลากระบุให้รับประทานมากผิดปกติอาจเกิดอันตราย เพราะเมทานอลจะทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน การมองเห็นผิดปกติ หรือทำให้ตาบอดได้
นาวาอากาศตรีหญิงกัญรัตน์ กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ยังตรวจพบตัวอย่างยาน้ำแผนโบราณที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ชนิดเอทานอลมากกว่ามาตรฐานที่กำหนดให้ใช้แอลกอฮอล์ชนิดเอทานอลเป็นกระสายยาในยาสำหรับเด็กไม่เกินร้อยละ 5 สำหรับผู้ใหญ่ไม่เกินร้อยละ 15 หากได้รับมากเกินไปจะทำให้เสพติดและเกิดโทษเช่นเดียวกับดื่มสุรา ขณะนี้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่แจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขทั้ง 17 จังหวัด ทราบถึงยี่ห้อและล็อตของยาที่ตรวจพบว่าไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้แล้ว ส่วนผู้บริโภคต้องระมัดระวังไม่รับประทานยาประเภทนี้บ่อยครั้ง เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่จะรับสารเคมีที่จะเข้าสู่ร่างกาย
ที่มาของข้อมูล : สำนักข่าวไทย ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2552 |