ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เตรียมพิจารณาการทบทวนร่าง พ.ร.บ.ศุลกากรใหม่ ที่จะกระทบการทำธุรกิจ หวังให้ปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ที่เปิดช่องให้ใช้อำนาจหน้าที่มากเกินไป

            นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมนี้ จะมีการรายงานถึงความคืบหน้าที่ภาคเอกชนเสนอให้มีการทบทวนร่างพระราชบัญญัติศุลกากรใหม่ ในบางมาตราที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ลดปัญหาความคลุมเครือในการตีความเรื่องการสำแดงสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกรณีนำเข้าสารซัลเฟอร์และเหล็กซิลิคอน

            ทั้งนี้ พ.ร.บ. ศุลกากรฉบับดังกล่าวออกมาตั้งแต่ปี 2469 จึงไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การผ่านพิธีการต่างๆ และอำนาจหน้าที่ในการจับ ปรับของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรในการใช้อำนาจหน้าที่มากเกินไปจนเกิดปัญหา รวมทั้งเรื่องของสินบนนำจับ อย่างไรก็ตาม จะต้องหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป

            ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในส่วนของ ส.อ.ท. จะมีการรายงานผลการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เกี่ยวกับปัญหาสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศที่เอกชนขอให้มีการยกเลิกเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศขนาดต่ำกว่า 72,000 บีทียู จากปัจจุบันเก็บอัตรา 15% ด้วย และเมื่อรวมภาษีอื่นๆ สูงถึง 22% ทำให้ผู้ประกอบการเสียเปรียบผู้หลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมาก 

ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำวันที่ 3 สิงหาคม 2552