ความคืบหน้าเหตุสารเคมีรั่ว บริเวณท่าเทียบเรือ B3 ภายในท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว และใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมได้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พ.ย.นั้น ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 01.40 น. วันที่ 26 พ.ย. เบื้องต้นทราบว่าสารเคมีดังกล่าว เป็นสารโซเดียมเปอร์ซัลเฟต ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าใช่หรือไม่ โดยคาดว่า ถุงที่บรรจุสารดังกล่าวเกิดแตกทำให้สารรั่วไหลออกมา และเกิดความร้อน ทำให้ไฟไหม้ มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า ขณะนี้ได้อพยพชาวบ้าน ประมาณ 400-500 คน ไปที่โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 2 แล้วและ เจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของสาร

            สำหรับผู้บาดเจ็บมีทั้งสิ้น 9 ราย ถูกนำส่ง รพ.แหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล 2 คน รพ.อ่าวอุดม 2 คน รพ. โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 5 คน ได้รับบาดเจ็บจากการ ถูกไฟคลอกและวิงเวียนศีรษะ จนกระทั่งเวลาประมาณ​ 04.00น. เจ้าหน้าที่ สามารถควบคุมการแพร่กระจายของสารเคมีได้ทั้งหมด และพนักงานสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติในเช้าวันนี้ แต่ควรที่จะนำผ้าปิดจมูกมาด้วย

            ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. นายสุเมธา วิเชียรเพชร ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการฉุกเฉินและฟื้นฟู ของกรมควบคุมมลพิษ​ เปิดเผยว่า สารดังกล่าว คือ สารโซเดียมเปอร์ซัลเฟต ลักษณะเป็นผง เป็นส่วนผสมของสารฟอกย้อมสีผม นำเข้าจากเยอรมนี ปริมาณ 9 ตัน เต็มตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับสาเหตุการรั่วไหล เกิดจากการถุงบรรจุแตกและผงตกลงไปบนพื้น และพื้นตู้คอนเทนเนอร์เป็นไม้ และสารนี้มีคุณสมบัติคือ ถ้าออกมานอกถุงถ้าทำปฏิกิริยากับความชื้น สูงมากจะกลายเป็นกรด พอโดนไม้ที่มีความชื้นสูง จึงเกิดการลุกไหม้ ทำให้ถุงพลาสติกติดเชื้อเพลิงต่อ และลุกลามไปเรื่อย การดับทำได้ยาก เพราะโดนน้ำไม่ได้ และเมื่อเปิดตู้มามีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า ยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิต

ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552