สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
บอกข่าวเล่าความ

วาฬสีน้ำเงิน... เจ้าสมุทรที่ใกล้สูญพันธุ์

ผู้เขียน: ASTV ผู้จัดการออนไลน์
วันที่: 2 ก.ค. 2553

            แม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งครองผืนน้ำในมหาสมุทรทั่วโลก และมีขนาดใหญ่โตไม่น้อยกว่าตึก 8 ชั้น แต่วาฬสีน้ำเงินเกือบต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกสีน้ำเงินนี้ จากน้ำมือมนุษย์ที่ไล่ล่าอย่างหนักในช่วง 2 - 3 ศตวรรษที่ผ่านมา

            วาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุด และอาจเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งอาศัยอยู่บนโลกนี้ แม้กระทั่งไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งเคยครองแผ่นดินบนโลกยังมีขนาดเล็กกว่าวาฬชนิดนี้ เคยมีผู้พบเห็นวาฬสีน้ำเงินขนาดยาวถึง 33 เมตร หนัก 190 ตัน แต่โดยทั่วไปจะพบวาฬที่มีขนาดเล็กกว่านี้ โดยมีขนาดเฉลี่ย 25 - 26.2 เมตร หนัก 100 - 120 ตัน ข้อมูลจากเนชั่นนัลจีโอกราฟิก ระบุว่า เฉพาะลิ้นของวาฬสีน้ำเงินอย่างเดียวก็หนักเท่าๆ กับช้างตัวหนึ่ง ส่วนหัวใจมีขนาดพอๆ กับรถยนต์คันหนึ่งเลยทีเดียว

            ในช่วงศตวรรษที่ 20 วาฬสีน้ำเงินถูกล่าจนเกือบจะสูญพันธุ์ กระทั่งช่วงกลางทศวรรษ 1960 ได้เริ่มมีการปกป้องวาฬชนิดนี้ และเร็วๆ นี้ มีการประมาณว่า เหลือวาฬสีน้ำเงินในซีกโลกใต้อยู่ประมาณ 2,300 ตัว อีกทั้งมีหลักฐานว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นปีละ 7% แต่ยังไม่มีการประมาณจำนวนวาฬชนิดนี้ที่ดีพอในบริเวณอื่นของโลก
       
            ถึงอย่างนั้นก็ตาม บีบีซีนิวส์ ได้ระบุว่า มีหลักฐานประชากรวาฬสีน้ำเงินเพิ่มจำนวนขึ้นในแอตแลนติกเหนือ โดยก่อนที่จะเริ่มอุตสาหกรรมล่าวาฬ คาดว่ามีวาฬสีน้ำเงินในท้องทะเลราว 200,000 - 300,000 ตัว แต่เชื่อว่าในปัจจุบันน่าจะเหลือวาฬประมาณ 12,000 ตัว ซึ่งน้อยกว่า 1% ของจำนวนเดิมที่มีอยู่

ทำไมต้องล่าวาฬ ???

            วาฬถูกล่าเพื่อเนื้อและน้ำมันเป็นหลัก โดยการล่าวาฬสามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึง 3,000 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ชาวอินนูอิตในกรีนแลนด์ล่าวาฬเพื่อยังชีพ ส่วนชาวญี่ปุ่นและนอร์เวย์ต่างมีวัฒนธรรมในการล่าวาฬ โดยการล่าวาฬเป็นอุตสาหกรรมนั้นเริ่มต้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และมีการล่าวาฬหนักขึ้นในช่วงศตววรษที่ 18 - 19 โดยในอดีตเมืองต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา และในยุโรปใช้น้ำมันจากวาฬเป็นเชื้อเพลิงในการจุดตะเกียงให้แสงสว่าง
       
            จนกระทั่งในปีค.ศ. 1986 คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬนานาชาติ (International Whaling Commission) หรือไอดับเบิลยูซี (IWC) ได้ห้ามการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ และในปัจจุบันความต้องการน้ำมันจากวาฬลดลงมาก เหลือเพียงการล่าเพื่อเป็นอาหาร โดยปัจจุบันวาฬมิงก์ซึ่งเป็นวาฬขนาดเล็กถูกล่าเป็นจำนวนมากที่สุด

ไอดับเบิลยูซี (IWC) คณะกรรมการจัดสรรโควตาล่าวาฬ

            คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬนานาชาติจัดตั้งขึ้นเมื่อ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1946 ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อการล่าวาฬที่เหมาะสมต่อจำนวนวาฬที่มีอยู่ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมล่าวาฬ ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 88 ประเทศ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและนอร์เวย์ที่มีการล่าวาฬเป็นวัฒนธรรมด้วย
       
            ภารกิจหลักของไอดับเบิลยูซี คือกำหนดจำนวนและตารางที่เหมาะสมในการล่าวาฬ ซึ่งการกำหนดนี้เพื่อคุ้มครองวาฬบางสปีชีส์ กำหนดพื้นที่เฉพาะให้วาฬได้หลบภัยจากการล่า จำกัดจำนวนและขนาดของวาฬที่จะถูกล่า วางเงื่อนไขสำหรับการเปิด - ปิดฤดูกาลล่า และห้ามล่าลูกวาฬและวาฬตัวเมียที่มีลูกอ่อน และผู้ล่าวาฬยังต้องรวบรวมรายงานการจับ รวมถึงสถิติและข้อมูลเชิงชีววิทยาให้แก่คณะกรรมการด้วย

สัตว์ใหญ่ที่กินเฉพาะสัตว์เล็ก

            วาฬสีน้ำเงินเป็นวาฬกรองกิน (baleen whale) มีแผ่นกรองซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับเล็บที่เรียกว่า บาลีน (baleen) เชื่อมกับขากรรไกร และจัดเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่เหยื่อของวาฬกลับเป็นแพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็กๆ เวลากินอาหารสัตว์น้ำขนาดยักษ์นี้จะกลืนน้ำปริมาณมหาศาลเพื่อกรองเอา กริลล์ (krill) สัตว์น้ำขนาดเล็กคล้ายกุ้งและกลืนกินเข้าไป
       
            วาฬต้องดำน้ำลงไปล่ากริลล์ที่ความลึกประมาณ 100 เมตร และปกติจะดำน้ำนาน 20 นาที แต่มีบันทึกสูงสุดว่าดำได้นานถึง 36 นาที ทั้งนี้วาฬสีน้ำเงินที่โตเต็มวัยกินกริลล์วันหนึ่งได้มากถึง 4 ตัน

วาฬไม่ใช่... ปลา

            เราคุ้นเคยกับการเรียกวาฬว่า ปลาวาฬ เช่นเดียวกับการเรียกโลมาว่า ปลาโลมา แต่สัตว์น้ำทั้งสองชนิดนั้นเป็นสัตว์เลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม ต่างจาก ฉลาม ที่จัดเป็นปลาชนิดหนึ่ง ทั้งวาฬและโลมาเป็นสัตว์ในลำดับเซตาเซีย (Cetacea) เช่นเดียวกัน โดยวาฬจะหายใจได้เช่นเดียวกับคน และหายใจแต่ละครั้งสามารถดำน้ำได้นานถึง 20 นาที และวาฬยังพ่นน้ำออกจากช่องหายใจได้สูงถึง 9 เมตร
       
            วาฬแรกเกิดหนักได้ถึง 3 ตัน และมีขนาดถึง 8 เมตร โดยในช่วงปีแรกวาฬตัวน้อย จะกินนมแม่อย่างเดียวมากถึงวันละ 91 กิโลกรัม ซึ่งวาฬมีอายุเฉลี่ยประมาณ 80 - 90 ปี โดยศัตรูของวาฬนอกจากมนุษย์แล้วยังมีปลาฉลามที่เป็นผู้ล่าอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ทุกๆ ปียังพบว่าวาฬบาดเจ็บจากการปะทะกับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่อีกด้วย

นักท่องสมุทรส่งเสียงได้ไกล 1,600 กิโลเมตร

            วาฬสีน้ำเงินอาศัยอยู่ทั่วไปในมหาสมุทรทั่วโลก โดยมักจะว่ายน้ำเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ปกติจะพบเพียงลำพังหรือไปเป็นคู่ ในช่วงหน้าร้อนวาฬสีน้ำเงินจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในน่านน้ำแถบขั้วโลก และจะอพยพสู่แถบศูนย์สูตรในช่วงที่ฤดูหนาวมาเยือน โดยวาฬสีน้ำเงินจะว่ายน้ำได้ไกล 8  กิโลเมตรในเวลา 1 ชั่วโมง แต่หากตื่นเต้นหรือตกใจวาฬสีน้ำเงินจะเร่งความเร็วได้ถึง 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
       
            นอกจากเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว วาฬสีน้ำเงินยังเป็นสัตว์ที่เสียงดังกังวานที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งภายในสภาวะที่เหมาะสม วาฬสีน้ำเงินสามารถส่งเสียงถึงวาฬอีกตัวที่อยู่ไกล 1,600 กิโลเมตรได้ โดยจะส่งชุดเสียงเป็นคลื่นสั้น เสียงครวญครางหรือโหยหวนออกไป
       
            ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าวาฬสีน้ำเงินไม่ได้ส่งเสียงเพื่อการสื่อสารเพียงอย่างเดียว แต่ใช้เพื่อนำทางใต้มหาสมุทรที่ลึกและอับแสงด้วย สถานภาพใกล้สูญพันธุ์ของวาฬสีน้ำเงินนั้น สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีสัตว์โลกใดรอดพ้นจากการคุกคามของมนุษย์ไปได้ แม้กระทั่งสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ แต่ยังไม่สายเกินไปที่เราจะเพิ่มโอกาสให้เพื่อนร่วมโลกนี้ได้อยู่คู่กับมหาสมุทรต่อไป

ที่มาของข้อมูล : ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ประจำวันที่ 2 กรกฎาคม 2553

  เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง:
บอกข่าวเล่าความ - พืชและสัตว์แห่กันสูญพันธุ์
บอกข่าวเล่าความ - นักวิทย์ระบุมูลปลาวาฬ ช่วยลดโลกร้อน
 
  ข้อคิดเห็น
   
ข้อคิดเห็นที่ 1:1

( Web Pages  of  Blue Whale )        

http://en.wikipedia.org/wiki/Blue_whale        
http://www.acsonline.org/factpack/bluewhl.htm        
http://www.enchantedlearning.com/subjects/whales/species/Bluewhale.shtml        
http://animals.nationalgeographic.com/animals/mammals/blue-whale.html        
http://school.discoveryeducation.com/schooladventures/planetocean/bluewhale.html        
http://www.earthwindow.com/blue.html        
http://www.npca.org/marine_and_coastal/marine_wildlife/bluewhale.html        
http://www.defenders.org/wildlife_and_habitat/wildlife/whale.php        
http://nature.ca/notebooks/english/bluwale.htm

โดย:  ANS  [7 ก.ค. 2553 00:39]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 2:3

น่าสนใจมากเลย ค่า~
ขอบคุณมากนะคะ ^^!
ที่นําความรู้มาให้ ~

โดย:  ปุ๊กกี้  [20 ก.ย. 2553 16:15]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 3:4

wไม่น่าสูญพันเลยนะคร๊าฟ

โดย:  สุเมธ  [4 ต.ค. 2553 13:17]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 4:5

_____________________เหนสุเมธพิมน่าสงสาลปลาวาฬจังนะคร๊าฟ

โดย:  โอ้เย55555+  [4 ต.ค. 2553 13:20]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 5:7

น่าโสงสานจางงงงง

โดย:  cream  [22 ต.ค. 2553 20:19]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 6:8

โชคดีนะ

โดย:  มิน  [29 ม.ค. 2554 22:05]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 7:9

ไม่หน้า
สูญพันธ์
เลย
นะ

โดย:  เจน  [29 ม.ค. 2554 22:09]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 8:11

เห็นวาฬเป็นของเล่นกันหรือไง
น่าสงสารจริงๆ

โดย:  นู๋ดี  [18 มี.ค. 2554 17:56]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 9:12

โชคดีนะเจ้าวาฬ

โดย:  เดเ  [23 มี.ค. 2554 13:59]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 10:13

เราไม่อยากให้ปลาวาฬสูณพันธุ์เลย
เพราะฉะนั้น พวกเราควรอนุรักษ์ปลาวาฬ และสิ่งอื่นๆที่อยู่ในทะเลเช่นกัน

โดย:  นิต้า  [28 ส.ค. 2554 13:58]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 11:14

I will be putting this dzlazing insight to good use in no time.

โดย:  Mena  [24 ก.ย. 2554 00:40]
 
   

ขอเชิญร่วมแสดงข้อคิดเห็น