ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เห็นชอบแผนการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐ ตามที่ คพ.เสนอเพื่อขยายผลให้หน่วยงานภาครัฐอื่นๆ จัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดจะต้องดำเนินการภายในปี 2554 นั้น ได้คัดเลือกและจัดทำเกณฑ์ข้อกำหนดของสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 14 ประเภท และบริการ 3 ประเภท รวม 17 ประเภท ประกอบด้วย 1.กระดาษคอมพิวเตอร์ และกระดาษสีทำปก 2.กระดาษชำระ 3.กล่องใส่เอกสาร 4.เครื่องถ่ายเอกสาร 5.เครื่องพิมพ์ 6.เครื่องเรือนเหล็ก 7.ซองบรรจุภัณฑ์ 8.ตลับหมึก 9.แบตเตอรี่ปฐมภูมิ 10.ปากกาไวท์บอร์ด 11.ผลิตภัณฑ์ลบคำผิด 12.แฟ้มเอกสาร 13.สีทาอาคาร 14.หลอดฟลูออเรสเซนต์ 15.บริการทำความสะอาด 16.บริการโรงแรม 17.บริการเช่าเครื่องถ่ายเอกสาร นอกจากนี้ยังมีรายการที่อยู่ระหว่างร่างเกณฑ์ข้อกำหนดอีก 10 ประเภท เช่น เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ น้ำมันเชื้อเพลิง สมุด ถังรองรับมูลฝอยพลาสติค บริการพิมพ์เอกสาร เป็นต้น
ดร.สุพัฒน์กล่าวว่า สินค้าและบริการเหล่านี้ จะต้องมีคุณสมบัติใช้วัสดุที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เช่น ไม่มีพิษ และหมุนเวียนได้ ใช้พลังงานต่ำ ใช้วัสดุน้อย น้ำหนักเบา ใช้พลังงานสะอาด มีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ลดการใช้หีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่ฟุ่มเฟือย กระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำที่สุด คุ้มค่าตลอดการใช้งาน ทนทานซ่อมแซม และบำรุงรักษาง่าย รวมทั้งมีระบบการจัดการหลังหมดอายุการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
"มีเป้าหมายให้หน่วยงานภาครัฐ ระดับกรม หรือเทียบเท่าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในปี พ.ศ. 2551 - 2554 ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25, 50, 75 และ 100 ตามลำดับในแต่ละปี และให้แต่ละหน่วยงานกำหนดเป้าหมาย ปริมาณการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการแต่ละประเภทไว้ในแต่ละปีงบประมาณให้ชัดเจน เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25, 30, 40 และ 60 ของสินค้าและบริการแต่ละประเภทที่ได้กำหนดเกณฑ์ข้อกำหนดตามลำดับ และมติ ครม.ยังกำหนดให้ทุกหน่วยงานราชการระดับกรม หรือเทียบเท่ารายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณไปยัง คพ.และให้ คพ.จัดทำรายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐรายปี และนำเสนอ ครม.ทราบตามลำดับ" นายสุพัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพสิ่งแวดล้อมและห้องปฏิบัติการ คพ. กล่าวว่า ภาคบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมประเภทโรงแรมนั้น โรงแรมที่หน่วยงานราชการต้องไปพักหรือจัดสัมมนา จะต้องเป็นโรงแรมที่ได้รับเกียรติบัตรใบไม้สีเขียว หรือได้รับมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีหรือ ISO 14001 ขณะนี้มีโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานดังกล่าวทั่วประเทศ 80 แห่ง แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ บางจังหวัดเท่านั้น
"หากหน่วยงานไหนจะไปสัมมนาในโรงแรม จะต้องเป็นโรงแรมที่กำหนดเอาไว้ตามหลักเกณฑ์นี้เท่านั้น แต่ปีแรก เช่น ไปสัมมนา 4 ครั้ง จะต้องเลือกโรงแรมที่มีคุณสมบัติดังกล่าวอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ปี 2554 ต้องทุกครั้ง ถ้าพื้นที่ใดไม่มีโรงแรมที่มีคุณสมบัตินี้ก็ให้พิจารณา โรงแรมที่มีระบบกำจัดขยะและกำจัดน้ำเสีย รวมทั้งไม่มีปัญหาร้องเรียนเรื่องสิ่งแวดล้อมแทน ซึ่งหน่วยงานต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล และในส่วนของโรงแรมนั้น ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดที่โรงแรมแต่ละแห่งต้องไปให้ถึงเป้าหมายได้รับเกียรติบัตรใบไม้เขียว และ ISO 14001 โรงแรมไหนได้รับมาตรฐานเหล่านี้ก็จะได้ขึ้นบัญชีที่ คพ. ซึ่งหน่วยงานรัฐสามารถเลือกบริการได้ตามความเหมาะสม" ดร.วิจารย์กล่าว
ดร.วิจารย์กล่าวว่า สำหรับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตัวอื่นๆ เช่น กระดาษชำระนั้น หากไม่ได้รับฉลากเขียว ก็จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้สารฟอกขาวและโลหะหนักจำพวกตะกั่ว ปรอท หรือแคดเมียม เป็นส่วนประกอบ สีทาอาคารจะต้องมีสารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยได้ไม่เกินปริมาณที่กำหนด หลอดฟลูออเรสเซนต์ ต้องมีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นชั่วโมง ได้รับมาตรฐาน มอก. มีปรอทบรรจุไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อหลอด เป็นต้น
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์มติชน ประจำวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 |