สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
บอกข่าวเล่าความ

6 ผักผลไม้ที่มีสารพิษตกค้าง ผักที่มีสารเคมีตกค้างมากที่สุด 2561 เร่งคุมเข้มสารพิษตกค้างในผักและผลไม้

ผู้เขียน: thaigov
วันที่: 26 พ.ย. 2561

6 ผักผลไม้ที่มีสารพิษตกค้าง

6 ผักผลไม้ที่มีสารพิษตกค้าง มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง! 2 กระทรวงคุมเข้มสารพิษตกค้างในผักและผลไม้

ระวังให้ดีผักผลไม้ที่มีสารพิษตกค้าง

นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังแถลงข่าวโครงการตรวจสอบเฝ้าระวังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผักและผลไม้ ประจำปี 2561 ณ กระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินโครงการเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักและผลไม้สด ตามเกณฑ์มาตรฐานของไทย ซึ่งการดำเนินงานในปี 2561 มีการเก็บตัวอย่างผักและผลไม้สดทั้งหมด 41 ชนิดพืช รวม 7,054 ตัวอย่างจากทั่วประเทศ ผ่านมาตรฐานร้อยละ 88.8 ไม่ผ่านมาตรฐานร้อยละ 11.2 และเมื่อนำปริมาณที่ตรวจพบในผักและผลไม้สดมาประเมินความเสี่ยงของผู้บริโภค พบว่า ร้อยละ 99.86 อยู่ในระดับที่ปลอดภัย

การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2561 กรมวิชาการเกษตรได้เก็บตัวอย่างจากแปลงที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จำนวน 2,007 ตัวอย่าง และแปลงที่อยู่ระหว่างการตรวจรับรองมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีทางการเกษตร (GAP) จำนวน 2,372 ตัวอย่าง ผลการตรวจพบว่า ตัวอย่างที่เก็บจากแปลงเกษตรกรที่ได้รับการรับรอง GAP ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ 93.7 ส่วนแปลงที่อยู่ระหว่างขอรับการรับรอง GAP ผ่านเกณฑ์มาตรฐานร้อยละ 91 ซึ่งทั้งสองแหล่งมีผลการวิเคราะห์ใกล้เคียงกัน เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP โดยจะมีเกณฑ์ที่ควบคุมดูแลการใช้สารเคมีอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ อาจยังมีเกษตรกรรายที่พบการใช้สารเคมีไม่ถูกอยู่บ้าง ซึ่งกรมวิชาการเกษตรจะแจ้งผลการตรวจพบที่เกินมาตรฐานและแจ้งเตือนเกษตรกรให้ปรับปรุง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา หากแนวทางแก้ไขปรับปรุงไม่ได้ผลและตรวจพบปัญหาซ้ำ กรมวิชาการเกษตรจะพิจารณาให้พักใช้ใบรับรองแหล่งผลิตพืช และหากเป็นแปลงใหม่ผลการตรวจประเมินไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด กรมวิชาการเกษตรจะไม่ออกใบรับรอง GAP ให้เกษตรกรรายนั้น ๆ หรือหากตรวจพบวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งเป็นสารเคมีที่ห้ามนำเข้า-ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง จะสั่งเพิกถอนใบรับรองและสารวัตรเกษตรจะเข้าติดตามตรวจสอบร้านค้าจำหน่ายสารเคมี ทางการเกษตรในพื้นที่ หากพบการกระทำผิดจะแจ้งเรื่องส่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป

 

 

 

นอกจากนี้ มกอช. จะทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานสารพิษตกค้างในสินค้าเกษตรและปรับปรุงมาตรฐานให้เป็นปัจจุบันตามข้อมูลการใช้สารเคมีของไทยและตามมาตรฐานสากล รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลเพื่อใช้ประเมินความเสี่ยงต่อผู้บริโภค ในกรณีที่ตรวจพบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน เพื่อร่วมกับกรมวิชาการเกษตรและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดต่อไป

คุมเข้มการดูแลให้ถูกอนามัยและปลอดภัย

นายแพทย์ธเรค กรัษนัยรวิวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข มีการเก็บตัวอย่างจากโรงคัดบรรจุผักผลไม้ ทั้งหมด 715 ตัวอย่าง ผลการตรวจผ่านเกณฑ์มาตรฐานร้อยละ 85.6 และสำหรับการเก็บตัวอย่างในจุดจำหน่ายและจุดบริโภค กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เก็บตัวอย่างจากห้างสรรพสินค้า 1,317 ตัวอย่าง ตลาดค้าส่งและตลาดสด 481 ตัวอย่าง และจากครัวโรงพยาบาล 162 ตัวอย่าง ผลการตรวจพบว่าตัวอย่างจากห้างสรรพสินค้านั้น สินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผ่านเกณฑ์ 86.4% สินค้าที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานผ่านเกณฑ์ 71.8 % ตลาดค้าส่งและตลาดสด ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ 64.9 ครัวโรงพยาบาล ผ่านเกณฑ์มาตรฐานร้อยละ 77.8

ทั้งนี้ ในปี 2562 กระทรวงสาธารณสุข จะมีการพัฒนาและยกระดับโรงคัดบรรจุ ให้มีมาตรฐานและระบบตามสอบย้อนกลับให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 386 ซึ่งจะเป็นการเสริมความมั่นใจในความปลอดภัยของผู้บริโภคมากขึ้น และในส่วนของตลาดสดจะมีการบูรณาการเพื่อพัฒนาให้ถูกอนามัยและปลอดภัย รวมทั้งโรงพยาบาลอาหารปลอดภัยจะมีมาตรการการจัดทำเมนูล่วงหน้า และมีการประสานกลุ่มบริษัทประชารัฐเพื่อรวบรวมวัตถุดิบ เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่เพิ่มแหล่งวัตถุดิบที่ได้การรับรองมาตรฐาน

6 ผักผลไม้ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 100%

จากข้อมูลการตรวจของกระทรวงสาธรณสุขและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ผักและผลไม้สดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 100% มีจำนวน 6 ชนิดพบสารพิษต่ำมาก ได้แก่

  • มันฝรั่ง
  • หน่อไม้ฝรั่ง
  • มังคุด
  • ผักกาดขาวปลี
  • ถั่วแขก
  • ข้าวโพดหวาน

6 ผักผลไม้ที่มีสารพิษตกค้างสูงสุด

โดยผักและผลไม้สดที่พบปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด 6 อันดับแรก ได้แก่

 
  1. พริก
  2. ถั่วฝักยาว
  3. คะน้า
  4. ส้ม
  5. มะเขือ
  6. มะเขือเทศ

ทั้งนี้ ยังมีความปลอดภัยในการบริโภค เนื่องจากสารตกค้างนี้จะเกิดอันตรายต่อเมื่อผู้บริโภค บริโภคในปริมาณมากเท่านั้น ผู้บริโภคจึงควรบริโภคอาหารที่หลากหลายไม่บริโภคอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำ ๆ มากเกินไป ส่วนส้มซึ่งเป็นพืชที่พบปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด หากปอกเปลือกแล้วจะทำให้ปริมาณสารพิษตกค้างลดลงกว่าร้อยละ 90 หรือหากจะนำส้มไปคั้นน้ำ ควรล้างเปลือกด้านนอกให้สะอาดก่อน อีกทั้งก่อนการบริโภคผักและผลไม้สด ผู้บริโภคควรล้างผักและผลไม้สดให้สะอาดเพื่อลดการตกค้างสารเคมีกำจัดศัตรูพืชด้วย

วิธีล้างผักผลไม้ให้ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างมากที่สุด

  1. ล้างผักผลไม้ก่อนในรอบแรก แล้วจึงเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ หรือแยกผลไม้เป็นลูก ๆ แช่น้ำทิ้งไว้ราว ๆ 15 – 20 นาที เพื่อล้างสารพิษที่ตกค้าง
  2. เปิดน้ำให้ไหลผ่านผักผลไม้ ด้วยการนำผักผลไม้ใส่ตะกร้า ขณะเดียวกันใช้มือขัดถูไปมา 1 – 2 นาที ถ้าเป็นผัก ควรเด็ดออกล้างทีละใบ
  3. ถ้าเป็นผักผลไม้ที่มีเปลือก หรือมีใบจำนวนมากอย่างกะหล่ำปลี ให้ปอกเปลือก หรือเด็ดใบที่อยู่ด้านนอกออกเสียก่อน แล้วนำไปแช่น้ำ 10 นาที
  4. ล้างผักผลไม้ด้วยน้ำส้มสายชู นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 10 แล้วนำผักผลไม้มาแช่ 10 – 15 นาที เพื่อลดสารพิษตกค้าง แต่ผักบางชนิดอาจดูดกลิ่นของน้ำส้มสายชูได้
  5. ลดสารพิษตกค้างด้วยด่างทับทิม ใช้ด่างทับทิมประมาณ 25 เกล็ด ผสมกับน้ำประมาณ 4 ลิตร แช่ผักผลไม้ไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ที่มา : http://www.thaigov.go.th


 
  ข้อคิดเห็น
   

ขอเชิญร่วมแสดงข้อคิดเห็น