นายสมสิทธิ์ มูลสถาน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการของเสียและวัสดุเหลือใช้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานสัมมนาครบรอบ 5 ปี กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการของเสียและวัสดุเหลือใช้ ว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมการจัดการของเสียและวัสดุเหลือใช้ อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 5-10% เนื่องจากจะมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา
"การผลิตสินค้าใดก็ตาม ต้องมีการจัดการของเสียและวัสดุเหลือใช้ ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการได้ 10-15%" นายสมสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ทำให้มีปริมาณกากของเสียเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องกำจัดกากของเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและชุมชน นอกจากนี้ ผู้นำเข้าหรือสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ อาจขอดูรายละเอียดการจัดการของเสียประกอบการพิจารณาสั่งซื้อด้วย
นายรัชดา สิงคาลวณิช อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากนี้ไปกรมโรงงานอุตสาหกรรม จะทำงานใกล้ชิดกับสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในการพิจารณาให้การส่งเสริมการลงทุนของโรงงานอุตสาหกรรม โดยจะให้ความสำคัญเรื่องการจัดการของเสียและวัสดุเหลือใช้ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ก่อนที่จะพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุน
นอกจากนี้ จะออกประกาศเป็นกฎกระทรวงว่า โรงงานอุตสาหกรรมแต่ละประเภทต้องมีบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านน้ำ กาก ของเสีย และมลพิษประจำโรงงาน เพื่อช่วยดูแลเรื่องมลพิษของโรงงาน รวมถึงกำหนดราคากลางของ การกำจัดกากของเสียและวัสดุเหลือใช้
ด้านนางปิยาณี ตั้งทองทวี ผู้อำนวยการส่วนจัดการกากอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปริมาณกากของเสียอุตสาห กรรมเพิ่มขึ้นตามจำนวนโรงงาน และโครงการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ โดย ในปี 2547 มีขยะที่ไม่อันตราย 4.3 ล้านตัน และขยะอันตราย 1.06 ล้านตัน ส่วนปี 2550 ขยะที่ไม่อันตรายเพิ่มเป็น 12.9 ล้านตัน ส่วนขยะอันตรายเพิ่มเป็น 1.9 ล้านตัน
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ประจำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 |