สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
บอกข่าวเล่าความ

เหยื่อฝนเหลือง วิบากกรรมที่ยังไม่สิ้น

ผู้เขียน: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
วันที่: 26 ก.พ. 2551

            การตัดสินของศาลอุทธรณ์เมื่อวันศุกร์ (22 ก.พ.) ทางการเวียดนามทำได้เพียงแค่ ออกแสดงความผิดหวัง และ ยังไม่ทราบว่ารูปคดีจะดำเนินต่อไปอย่างไร ในขณะที่กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่งเริ่มถอดใจ เพราะทราบดีว่าไม่ง่ายนักที่จะไปต่อกรกับบริษุทยักษ์ใหญ่ในดินแดนสหรัฐฯ โดยผ่านกระบวนการศาลของประเทศนี้
       
            เหยื่อฝนเหลืองในเวียดนามและในต่างประเทศ รวมทั้งญาติมิตรกับตัวแทนได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มบริษัทดาวเคมิคัล (Dow Chemical Co) และ บริษัทมอนซานโต (Monsanto Co) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเคมียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ กับอีกเกือบ 30 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารพิษร้ายแรงดังกล่าว
       
            กองทัพสหรัฐฯ ใช้สารสีส้มหรือ "ฝนเหลือง" โปรยลงในเวียดนามเมื่อกว่า 40 ปีก่อน เพื่อทำลายต้นไม้ ใบไม้ เพื่อกำจัดแหล่งหลบซ่อนของข้าศึก
       
            นายเลซวุง (Le Dung) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าวว่า คำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ นั้นไม่ถูกต้อง และไม่ยุติธรรมสำหรับชาวเวียดนามนับล้านคนที่ได้รับผลจากพิษภัยของสารไดอ็อกซิน ใน "ฝนเหลือง" (Agent Orange) ที่กองทัพสหรัฐฯ โปรยในช่วงสงคราม
       
            ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีดังกล่าวประมาณ 3 ล้านคน ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ ระบุในคำฟ้องว่าทั้งๆ ที่ตระหนักดีว่าสารเคมีที่ผลิตขึ้นมานั้นมีพิษร้ายแรงต่อมวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง บริษัทเหล่านี้ก็ยังคงผลิตและส่งสารเคมีพิษร้ายแรงนี้ให้แก่กองทัพสหรัฐฯ

            ศาลชั้นต้นได้ตัดสินคดีนี้เมื่อปี 2547 ระบุว่าผู้เสียหายไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้ผลิตสารเคมี จึงทำให้มีการนำคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์กลาง (Federal Court of Appeals)
       
            และจากกรณีผลพวงจากสารไดออกซินที่ใช้ในสงครามช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960-1970 ได้เป็นประเด็นที่ขวางความสัมพันธ์ระหว่างคอมมิวนิสต์เวียดนามกับสหรัฐฯ มานาน แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ปรับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันให้เข้าสู่ระดับปกติตั้งแต่ปี 2548-2549 แล้วก็ตาม
       
            คำฟ้องได้ยืนยันว่า "สารสีส้ม" หรือ "ฝนเหลือง" นั้น ได้ทำให้ชาวเวียดนามนับล้านคนล้มป่วย และยังส่งผลให้ทารกเกิดมาพิกลพิการ ผู้ที่ได้รับสารพิษจำนวนมากป่วยเป็นมะเร็ง
       
            การศึกษาตลอดหลายทศวรรษมานี้ได้พบว่า สารพิษอันเป็นส่วนประกอบของสารสีส้มนั้น ยังคงตกค้างอยู่ตาม จุดเขตร้อนในเวียดนาม และมีระดับสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้นับร้อยๆ เท่า
       
            รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยืนยันในจุดยืนเดิมที่ว่า ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่พิสูจน์ได้ว่า การล้มป่วยของผู้คนตามที่โจทก์ร่วมกันฟ้องร้องนั้น มีความสัมพันธ์โยงใยกับสารสีเหลืองที่สหรัฐฯ โปรยลงในเวียดนามตั้งแต่ครั้งสงคราม และทางบริษัทดาวเคมิคัลได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งยืนยันท่าทีดั้งเดิมว่า กรณีนี้สมควรจะหาทางแก้ไขผ่านช่องทางการหารือที่เหมาะสมระหว่างรัฐบาลมิใช่โดยผ่านกระบวนการศาล
       
            นายเหวียนจ่งเญิน (Nguyen Trong Nhan) อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขเวียดนาม รองประธานสมาคมเวียดนามเพื่อผู้ตกเป็นเหยื่อฝนเหลือง/ไดอ็อกซิน (Vietnam Association for Victims of Agent Orange/Dioxin) กล่าวว่า กลุ่มผู้เป็นโจทก์ ได้ทำใจมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า การฟ้องร้องเอาผิดต่อบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ในแผ่นดินสหรัฐฯ โดยผ่านระบบศาลในสหรัฐฯ นั้นเป็นเรื่องยากที่ชนะคดีได้
       
            แต่นายเญินก็กล่าวว่า กรณีนี้กำลังได้รับการสนับสนุนมากขึ้นทุกทีๆ จากประชาคมระหว่างประเทศ
       
            นายเลเกเซิน (Le Ke Son) เจ้าหน้าที่เวียดนาม ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับฝนเหลือง กล่าวว่า โจทก์คงจะนำคดีนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลสูงสหรัฐฯ ต่อไป หลังผ่านศาลอุทธรณ์แล้ว

            หน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานที่ไม่สังกัดรัฐบาลจำนวนหนึ่งได้ร่วมมือกันและมีความคืบหน้าพอสมควรในความพยายามเก็บกู้สารสีส้มจากโกดังใต้ดินที่บริเวณฐานทัพสหรัฐฯ ในเมืองด่าหนัง (Danang) ในอดีต
       
            "เป็นที่น่าเสียดายการตัดสินของศาล มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังมีความพยายามในการร่วมมือกับเวียดนามในการเก็บกู้สารไดอ็อกซินที่ยังคงตกค้างจากการใช้ฝนเหลือง" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามให้สัมภาษณ์สื่อของทางการเมื่อวันเสาร์ (2 ก.พ.)
       
            "ชาวเวียดนามนับล้านๆ คนที่ประสบเคราะห์กรรมจากพิษภัยของสารสีส้มกับไดอ็อกซิน ยังคงล้มป่วยและได้รับความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่ทุกๆ วัน" นายเลซวุงกล่าว
       
            โฆษกเวียดนามได้เรียกร้องไปยังกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมเคมีในสหรัฐฯ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ให้ "มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบทั้งด้านกฎหมายและศีลธรรม" ต่อบรรดาผู้ประสบเคราะห์ทั้งที่เป็นชาวอเมริกันและชาวเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารผ่านศึกษา

            นายเลซวุงยังเรียกรองไปยังประชาคมระหว่างประเทศ แสดงความหวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกับเวียดนามต่อไปในการแสวงหาความยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้
       
            ตามรายงานของโทรทัศน์บีบีซีกรุงลอนดอน ระหว่างปี 2504 - 2514 สหรัฐฯ กับพันธมิตรได้โปรยฝนเหลือลงเวียดนามรวมประมาณ 11 ล้านแกลลอน เพื่อกำจัดแหล่งหลบซ่อนของกองกำลังเวียดกงกับเวียดนามเหนือที่ทำสงครามกับสหรัฐฯ ในเวียดนามภาคใต้
       
            บีบีซีกล่าวว่า 14% ของเป้าหมายเป็นพื้นที่การเกษตร ปัจจุบันพื้นที่กว่า 10% ของประเทศนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากพิษภัยของฝนเหลือง
       
            ในปี 2527 บริษัทอุตสาหกรรมเคมีหลายแห่งรวมทั้งดาวกับมอนซานโตได้ตกลงจ่าย 180 ล้านดอลลาร์ให้แก่ทหารผ่านศึกสหรัฐฯ ที่อ้างว่าฝนเหลืองได้สร้างปัญหาให้แก่สุขภาพของพวกตน
       
            ทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนามในนิวซีแลนด์ ออสเตรเลียและเกาหลีใต้ ต่างได้รับเงินชดเชยผลกระทบจากฝนเหลือง แต่ยังไม่มีทหารผ่านศึกเวียดนามหรือชาวเวียดนามคนไหนเลยที่ได้รับค่าชดเชยดังกล่าว


ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ประจำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551


เหวียนถิเวินลอง วัย 20 ปี ในห้องเรียนที่หมู่บ้านชานกรุงฮานอย อีกหนึ่งผลกระทบจากฝนเหลือง

เด็กๆ ที่พิการตั้งแต่เกิดในนครโฮจิมินห์ ภาพเช่นนี้ตามหลอกหลอนชาวโลกมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี

ทางการเวียดนามกล่าวว่ามีเด็กเกิดมาในสภาพเช่นนี้ประมาณ 150,000 คน นับตั้งแต่สงครามสงบลง

ในช่วงสงครามเวียดนามกองทัพสหรัฐ โปรยสารเหลืองลงในเวียดนามถึง 11 ล้านแกลลอน ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและชีวิตมากระทั่งทุกวันนี้

อดีตนักบินกองทัพสหรัฐ ผู้นี้เคยนำฝนเหลืองไปโปรยในเวียดนาม หลังสงครามสิ้นสุดลงก็ตรวจพบว่าเซลมะเร็งในกายของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็วมาก
  สารเคมีที่เกี่ยวข้อง:
2,3,7,8-Tetrachlorodibenzo-p-Dioxin
 
  ข้อคิดเห็น
   
ข้อคิดเห็นที่ 1:1

ทำอย่างไรให้คนไทยได้รับรู้ผลของฝนเหลืองได้มากๆ

โดย:  คนไทย  [29 เม.ย. 2554 23:11]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 2:2

คงยาก..เพราะคนไทย มองแต่ตัวเอง ไม่เคยมองคนอื่นๆ หรือประเทศ เพื่อนบ้าน

คิดว่าตัวเองดีอยู่ตลอดเวลา...แต่ไม่ดูว่า จริงๆ แล้ว ตัวเองย่ำอยู่กับที่..

โดย:  คงยาก  [4 พ.ค. 2554 14:50]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 3:3

อเมริกาไม่น่าใช้ฝนเหลืองในการทำสงครามเลยนะครับ

โดย:  มอส  [15 ก.ย. 2556 14:41]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 4:5

เอาให้เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรกินคนละ แก้วสองแก้ว รับอร่อยเหาะเลยแหละมึง

โดย:  แาม่าด่าแม่  [5 ก.ย. 2561 22:41]
 
   

ขอเชิญร่วมแสดงข้อคิดเห็น