อาจารย์เคมีจากเกษตรศาสตร์ประสบความสำเร็จสร้างสารสังเคราะห์ชนิดเดียวกับนักวิจัยสหรัฐ เผยมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งปอด ระบบทางเดินหายใจและมะเร็งเม็ดเลือดขาว ปูทางสู่การพัฒนายามะเร็งประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงต่ำ
รศ.ดร. บุญส่ง คงคาทิพย์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า ทีมงานวิจัยค้นพบเทคนิคสังเคราะห์สาร OSW-1 ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลและคุณสมบัติยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดใกล้เคียงกับที่นักวิจัยชาวอเมริกาเคยศึกษาและตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติเมื่อประมาณปี 2535
สารเตียรอยด์ซาโปนิน OSW-1 ที่สังเคราะห์เสร็จแล้ว จะมีฤทธิ์มากกว่ายามะเร็งทั่วไป 10 - 100 เท่า แต่ผลข้างเคียงต่อเซลล์เนื้อเยื่อปกติลดลง ในอดีตกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา ทดสอบประสิทธิภาพของสารสังเคราะห์ดังกล่าวในห้องปฏิบัติการ และระบุว่าสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งปอด เซลล์มะเร็งทางเดินหายใจ รวมทั้งมะเร็งในเม็ดเลือดขาวในหนูทดลองได้จริง
"ทีมวิจัยใช้เวลาร่วม 3 ปี ศึกษาหาวิธีสังเคราะห์สารจากธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง กระทั่งได้สารสังเคราะห์ OSW-1 โดยใช้ ไดออสจีนินเป็นสารตั้งต้น ทดลองผสมสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติอีกหลายชนิดกระทั่งได้สารสังเคราะห์ OSW-1 ดังกล่าว" รศ.ดร.บุญส่ง กล่าวว่า ไดออสจีนินเป็นสารสเตียรอยด์จากต้น Wild Yam ซึ่งเป็นพืชวงศ์ Dioscorea และพบมากแถบประเทศเม็กซิโก อินเดียและแอฟริกา
อย่างไรก็ตาม เทคนิคการสังเคราะห์สารยับยั้งเซลล์มะเร็งทีมวิจัยพัฒนาขึ้นทั้งหมด 15 ขั้นตอน และสารสังเคราะห์ที่ได้ไม่ต้องอาศัยอะตอมคาร์บอนซึ่งเปรียบเสมือนสายโซ่ที่ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์ ซึ่งต่างจากการวิจัยเดิมของสหรัฐ
ขณะนี้ทีมวิจัยกำลังต่อยอดงานวิจัยด้วยการพัฒนากระบวนการสังเคราะห์ด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อให้ได้ระยะเวลาการสังเคราะห์ที่สั้นลงและวิธีปฏิบัติไม่ซับซ้อน จากนั้นจะเผยแพร่ในวารสารวิชาการนานาชาติ สำหรับเป็นความรู้ให้ผู้สนใจนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังนำสารสังเคราะห์โครงสร้างต่างๆ ที่ได้ระหว่างการวิจัย ไปทดสอบหยดบนเซลล์เนื้อมะเร็ง 4 ชนิด คือ เซลล์เนื้อเยื้อมะเร็งช่องปาก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านมและมะเร็งตับ พบว่ามีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อเยื้อมะเร็งได้จริง เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำกว่าสารสังเคราะห์ OSW-1
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 |