ประชาชนชาวจีนจำนวน 1,139 คน ที่อยู่ในเมืองฟู่ซิน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย และวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง หลังจากที่บริโภคน้ำประปาของเมืองเข้าไป ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้มีผู้ป่วยจำนวน 59 ราย ที่ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หนังสือพิมพ์เป่ยจิง นิวส์ รายงายเมื่อวันพุธ (16 มกราคม 2551)
ทางด้านเจ้าหน้าที่ของเมืองได้ให้เหตุผลหลังจากสืบสวนว่า สาเหตุเกิดจากท่อระบายน้ำเสียของเมืองอุดตัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันจีนกำลังประสบปัญหามลพิษทางน้ำอย่างหนัก ซึ่งตัวเลขล่าสุดของทางการชี้ว่า แหล่งน้ำทั่วไปของจีนมากกว่า 70% และแหล่งน้ำใต้ดินมากกว่า 90% ปนเปื้อนมลพิษ
นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ชาวเมืองอู๋ซีหลายล้านคนในมณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน ก็ประสบปัญหาน้ำประปาส่งกลิ่นเน่าเหม็น จนไม่สามารถนำไปใช้ในการอุปโภคและบริโภคได้ ทำให้ประชาชนแห่ไปซื้อน้ำดื่มมากักตุนกันอลหม่าน สาเหตุมาจากโรงงานอุตสาหกรรมในบริเวณทะเลสาบไท่หู ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน และเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชาวเมืองอู๋ซี ได้ปล่อยสิ่งปฏิกูลและสารเคมีเข้มข้นสูงลงแหล่งน้ำโดยไม่มีการบำบัด ทำให้เกิดสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวระบาดอย่างหนักจนทำให้น้ำเน่าเสียในที่สุด
หลังจากเกิดเหตุ รัฐบาลท้องถิ่นพยายามแก้ไขปัญหาน้ำเสียในทะเลสาบไท่หูอย่างจริงจัง โดยล่าสุด นาย หลิว ย่าหมิง ผู้อำนวยการสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมอู๋ซี รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (17 มกราคม 2551) ว่า คุณภาพน้ำในทะเลสาบไท่หูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ระดับสารปนเปื้อนอินทรีย์ในน้ำประปาลดลงราว 1 ใน 3 ส่วนระดับสารเคมีอื่นๆ ที่ปนเปื้อนก็ลดลงราว 60% อย่างไรก็ดี ทางการจะเดินหน้าปรับปรุงคุณภาพน้ำต่อไป รวมถึงปรับปรุงโรงบำบัดน้ำเสียทั้ง 4 แห่ง ซึ่งใช้ในบำบัดน้ำเสียของเมืองอู๋ซีถึง 85% ด้วย
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ประจำวันที่ 17 มกราคม 2551 |