นพ. วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แผนการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ได้มีการว่างจ้าง Burns & Roe Asia เป็นผู้ดำเนินการศึกษา และนำเสนอเรียบร้อยแล้วนั้น ไม่สามารถที่จะนำเสนอได้ทันในรัฐบาลชุดนี้  เพราะแผนเตรียมการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องรอข้อมูลด้านอื่นเพิ่มเติม เช่น หน่วยงานกำกับดูแล และกฏหมายที่จะมารองรับกลไกการกำกับดูแลซึ่งยังดำเนินการไม่เสร็จ ทั้งนี้นั้น รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาหลังการเลือกตั้ง คงต้องเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเดินหน้าแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างไร

            แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จะรวบรวมผลการศึกษาและข้อมูล เพื่อนำเสนอรัฐบาลชุดใหม่  เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับกระทรวงพลังงานว่าจะยังไม่พิจารณาแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในรัฐบาลชุดนี้ และให้กระทรวงพลังงานศึกษาถึงแผนสำรอง กรณีที่ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้ไม่สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้สำนักพัฒนานิวเคลียร์ (สพน.) ภายใต้กระทรวงพลังงานมีปัญหา เนื่องจากมีงบประมาณในปี พ.ศ. 2554 เหลือเพียงเงินเดือนประมาณ 10 ล้านบาทเท่านั้น และสำหรับกรณีการเตรียมการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในช่วงที่ผ่านมา ได้คัดเลือกพื้นที่จาก17 แห่ง เหลือ 2 แห่ง คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สามารถใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเทศไทยคือแบบ Light Water Reactor หรือ LWR ขนาด 1000 - 1,400 เมกะวัตต์ แต่ก็ได้รับการต่อต้านต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่และยังมีปัญหาในการทำความเข้าใจกับประชาชน

            ทั้งนี้ตามแผนพีดีพี  2010 ที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น กำหนดให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ จำนวน 5 โรง โรงละ 1,000 เมกะวัตต์  ซึ่งจะเข้าสู่ระบบในปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ซึ่งตามแผนจะต้องเริ่มเตรียมเรื่องการประกวดราคาก่อสร้าง (Program Implementation Phase) ในปี พ.ศ. 2554 - 2556 และเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2557 - 2562  โดยหากไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะทำให้ต้องมีการปรับแผนพีดีพี 2010 ใหม่

ที่มาของข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554