สำนักงานข่าวเกียวโดนิวส์รายงานวันนี้ (12 เมษายน 2554) ว่า คณะกรรมาธิการความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ของรัฐบาลคาดหมายว่าระดับกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลจากเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ทางเหนือของญี่ปุ่น ณ เวลาหนึ่งได้แตะระดับสูงสุดกว่า 10,000 เทราเบคเคอเรลต่อชั่วโมงเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งจัดอยู่ในเหตุการณ์ขั้นรุนแรงที่สุด ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์

ภาพความเสียหายของอาคารปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ
สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ ระบุเพิ่มเติมอีกว่า จากการคำนวณดังกล่าวจุดชนวนให้ญี่ปุ่นพิจารณาปรับเพิ่มเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์สู่ระดับสูงสุด เทียบเท่าหายนะทางนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล ทั้งตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์เหตุการณ์ระดับ 7 นั้น คือสถานการณ์ที่มีการปล่อยกัมมัตนตภาพรังสีไอโอดีน 131 มากกว่าหมื่นเทราเบคเคอเรลต่อชั่วโมง (หน่วยวัดความแรงรังสีของสารรังสีทีมีอัตราการสลายตัว 1 ครั้งใน 1 วินาที โดย 1 เทราเบคเคอเรล = 1012 เบคเคอเรล)
อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกสำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ระบุในเวลาต่อมาว่าสถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ยังคงอยู่ในระดับ 5 และเขายังไม่ทราบถึงความเคลื่อนไหวของรัฐบาลที่เตรียมยกระดับความรุนแรงครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นประเมินอุบัติเหตุ ณ โรงไฟฟ้าของบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ ณ ระดับขณะที่วิศวกรยังพยายามควบคุมสถานการณ์ อันเป็นระดับเดียวกับอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าทรีไมล์ไอส์แลนด์ ในปีค.ศ. 1979
ที่มาของข้อมูล : ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ประจำวันที่ 12 เมษายน 2554
|