นายวิชา ธิติประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ภายในเดือนมีนาคม 2551 นี้ ทาง EU จะส่งเจ้าหน้าที่หน่วยงาน Food and Veterinary Office (FVO) เข้ามาติดตามประเมินระบบควบคุมสารพิษตกค้างในการผลิตสินค้าพืชผักของไทย โดยเน้นผักสดเป็นหลัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ FVO จะตรวจประเมินตั้งแต่แหล่งปลูก โรงคัดบรรจุสินค้า (Packing House) พร้อมประเมินประสิทธิภาพห้องปฏิบัติการตรวจ   วิเคราะห์สารพิษตกค้าง จนกระทั่งด่านตรวจพืช ณ จุดส่งออก ซึ่งไม่น่ามีปัญหาเนื่องจากประเทศไทยได้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบการผลิตสินค้าพืชผักส่งออกไป EU เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2551 ที่ผ่านมา โดยได้ขึ้นทะเบียนผู้ส่งออกแล้วทั้งสิ้น 82 ราย ทั้งยังให้การรับรองโรงคัดบรรจุ 50 แห่ง และรับรองแปลงผลิตพืชผักตามระบบ GAP แล้วไม่น้อยกว่า 174,169 แปลง ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ 
 
            “สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือประเทศผู้นำเข้าปลายทางได้ให้ความสำคัญและมีมาตรการในการตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ได้รายงานการตรวจพบสินค้าพืชผักที่นำเข้าจากไทยมีปัญหา 399 ครั้ง โดยแยกเป็นตรวจพบสิ่งต้องห้าม 13 ครั้ง มีศัตรูพืชติดไปกับสินค้า 197 ครั้ง และปัญหาอื่น ๆ เช่น ลักลอบสอกไส้ส่งออกสินค้า ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขนำเข้า 106 ครั้ง ในจำนวนนี้ตรวจพบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ในผักสด และผักแช่แข็ง 27 ฉบับ ขณะที่การตรวจพบสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐานมีเพียง 12 ฉบับ ทั้งนี้ชนิดพืชที่แจ้งเตือน ได้แก่ มะเขือ มะระ โหระพา ขึ้นฉ่าย พริก ผักชีฝรั่ง ใบแมงลัก ใบมะกรูด ขิง หอมแดง ฝรั่ง มะม่วง กล้วยไม้ ฯลฯ“ นายวิชา ธิติประเสริฐ กล่าว

            “อย่างไรก็ตามกรมวิชาการเกษตรได้เร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยกำชับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น ณ จุดส่งออก ในปีที่ผ่านมาได้ตรวจพบผู้ประกอบการลักลอบซุกซ่อนผักส่งออก จำนวน 29 ราย กรมวิชาการเกษตรได้คัดสินค้าออกทั้งหมด พร้อมกับขึ้นบัญชีดำและไม่ออกใบรับรองปลอดศัตรูพืชให้ผู้กระทำผิดเป็นเวลา 30 วัน จากนั้นสินค้าทุกลอตที่ส่งออกจะถูกตรวจเข้ม 100% ทุกชิปเมนต์ ดังนั้น จึงขอแจ้งเตือนผู้ส่งออกทุกรายให้ช่วยกันรักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไทยในระยะยาว” ผอ.สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กล่าว