สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
ถาม-ตอบ

สารปลอดเข้าตา

ตอนคลอดลูกนอนฟักฟื่นที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งพยาบาลเข่ามาวัดไข้และมาสบัดปลอดข้างที่ตัวเองนอนรู้สึกว่ามีอะไรฟาดเป็นสายเข้ามาที่ตาข้างซ้ายพยาบาลตกใจดูที่ก้นปลอดก็แตกไม่เหลือปลอดเลยทางหมอที่ทำคลอดให้หมอเกี่ยวกับสายตาดูหมอส่องกล้องดูว่าไม่มีอะไรในตาแต่ตอนนี้คลอดลูกได้4ปี3เดือนแล้วรู้สึกระคายเคืองตาเหมือนมีฝุ่เล็กหรือแก้วอยู่ในตารู้สึกเจ็บเคืองอยากทราบว่าเกี่ยวกับสารปลอดที่เข้าตาหรือเปล่าค่ะอาการเป็นอย่างนัมาประมาณเดือนหนึ่งแต่ไม่ได้เจ็บทุกวัน

โดย:  คนไข้โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง   [2 มี.ค. 2557 09:28]
ข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิจะแสดงในกรอบสีเขียว ส่วนข้อคิดเห็นหรือความเห็นจากผู้อื่นจะแสดงในกรอบปกติ
ข้อคิดเห็นที่ 1:1

เรียน ท่านคนไข้ฯ

ผมไม่ใช่หมอ แต่ขออกความเห็นตามข้อมูลที่มีว่า ไม่น่าจะใช่สาเหตุจากสาร "ปรอท" ที่เข้าดวงตานะครับ

ในวัน / เวลานั้น ผมเชื่อว่าท่าน (และโรงพยาบาล) ได้ทำการล้างดวงตาท่านอย่างทันที และถูกวิธี (และทันที) แล้วครับ ซึ่งปัญหาน่าจะหมดไปนานแล้วครับ

อย่างไรก็ตามเพื่อความสบายใจของท่าน ผมแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบอาการนี้อีกครั้งนะครับ และขอเสนอว่าควรไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่น เพื่อเป็นการสอบทานความถูกต้องของการตรวจไปในตัวด้วยครับ ถ้า(สมมุติว่า) ผลการตรวจแจ้งว่าท่านได้รับผลกระทบจากปรอทเมื่อ 4 ปีที่แล้วจริง ท่านจึงค่อยกลับไปโรงพยาบาลที่ท่านคลอด เพื่อดำเนินการต่อ ตามที่ท่านเห็นเหมาะสมนะครับ

อย่างไรก็ตาม ขอเรียนให้ทราบว่า ท่านไม่ต้องกังวลนะครับ โอกาสที่จะเกิดปัญหาตามที่ท่านสงสัยนั้น มีน้อยมากๆๆๆนะครับ

โชคดีครับ
Prasit

โดย:  Prasit  [3 มี.ค. 2557 08:58]
ข้อคิดเห็นที่ 2:2

คำประกาศสิทธิ์์ผู้ป่วย

ฟ้อง

โดย:  คิม  [3 มี.ค. 2557 09:47]
ข้อคิดเห็นที่ 3:3

เรียน คุณคิม,

ผมขอออกความเห็นส่วนตัวเล็กน้อยนะครับท่าน

ท่านก็คงทราบดีอยู่แล้วนะครับว่า ไม่มีใครต้องการให้เกิดปัญหาจากการทำงานหรอกครับ และท่านก็คงทราบดีเช่นกันว่า คนไม่ทำผิดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย

กรณีที่เกิดปัญหานี้ขึ้น ท่าน(และผมด้วย)ก็คงไม่ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมถึงขั้นตอน/วิธีการเยียวยา หรือบรรเทาปัญหาของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจทำหน้าที่ได้เต็มที่สมบูรณ์แบบแล้ว(หรือไม่) ก็ได้นะครับ

การเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้อง หรือร้องเรียน ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถทำได้ แต่ ผมอยากให้พิจารณาดูก่อนว่าถึงขั้นที่จำเป็นแล้วหรือยัง มีวิธีการอื่นหรือไม่ที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างราบลื่นไร้ปัญหาอื่นซ้ำซ้อนอีก ซึ่งจะเป็นการช่วยลดปัญหาทางสังคมได้อีกทางหนึ่งนะครับ

ก็ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ และขออภัยท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่าน แล้วอาจไม่เห็นด้วยกับผมก็ได้ ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกท่านครับ

ขอแสดงความนับถือ
Prasit

โดย:  Prasit  [3 มี.ค. 2557 16:59]
หากท่านต้องการถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อคำถามนี้ กรุณากดปุ่มนี้

หากท่านต้องการแสดงข้อคิดเห็นหรือแสดงความคิดเห็นที่อยู่ในประเด็นเดียวกับหัวข้อนี้ ให้กรอกข้อมูล แล้วกดปุ่มส่งข้อความด้านล่างนี้