|
ข้อคิดเห็นที่
1: ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องแน่นอน หรอกครับ ขึ้นกับว่า อาจารย์ ที่ถามคุณ คิด และ เชื่อ อย่างไร ถ้าอาจารย์ เชื่อว่า สารให้สี ( Colorant / Pigment / Dye ) ทุกชนิด ที่ใช้ในลิปสติก เป็นสารพิษ ในขณะที่ส่วนผสมอื่นๆ ใน ลิปสติกสีส้ม และ ลิปสติกสีแดง เหมือนกันหมด ( ไม่ว่าจะเป็นสารพิษหรือไม่ ) คำตอบ ที่ควรตอบ คือ ลิปสติกสีส้ม ที่มีสารให้สี ผสมกันสองตัว ( เช่น สีเหลือง กับ สีแดง ) จะมีสารพิษ มากกว่า ลิปสติกสีแดง ที่มีสารให้สี เพียง หนึ่งตัว ( คือ สีแดง ) หรือ ลิปสติกสีส้ม ที่มีสารให้สี หนึ่งตัว ( คือ สีส้ม ) จะมีสารพิษ มากเท่ากับ ลิปสติกสีแดง ที่มีสารให้สี หนึ่งตัว ( คือ สีแดง ) แต่ถ้าต้องการคำตอบที่เป็นวิชาการสุดๆ โดยต้องลงทุน ( ด้วย แรงกาย เวลา เงิน ฯลฯ ) และใช้เว็บไซต์นี้ให้เป็นประโยชน์ด้วย ควรจะ ทำตามลำดับขั้นตอน ต่อไปนี้ 1. หา ข้อมูล ส่วนผสม ของ ลิปสติกสีส้ม และ ลิปสติกสีแดง ( หาชื่อทางเคมี ของ ส่วนผสมทุกตัว ) อาจต้องลงทุน ไปอ่านชื่อส่วนผสมจากผลิตภัณฑ์ ลิปสติก ทั้ง สองสี จริงๆ หรือ ลงทุนซื้อ ลิปสติก ทั้ง สองสี มาเลย จะได้ไม่โดนคนขาย บ่น ด่า ที่ไปยืนอ่าน แล้วไม่ซื้อ 2. นำ ชื่อทางเคมี ของ ส่วนผสมทุกตัว มาค้นหา ใน เว็บไซต์นี้ ( หน้าแรก มุมบนขวา " ค้นหาด้วยชื่อสารหรือผลิตภัณฑ์ " ) และ จดบันทึกว่า พบว่า สารเคมีกี่ชนิด ( จาก ลิปสติก แต่ละสี ) ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ สารพิษ สารอันตราย สารต้องห้าม 3. เปรียบเทียบ จำนวน ส่วนผสม ที่เป็นสารพิษ ใน ลิปสติก ทั้งสองสี 4. นำผลที่ได้ ไปเสนอให้อาจารย์ดู ( อาจขายลิปสติก ที่ซื้อมา ให้อาจารย์ ไปด้วย เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์การสอนในอนาคต ) ( อย่าแปลกใจ ถ้าค้นหาแล้ว ไม่พบว่ามีสารพิษใดๆ อยู่ใน ลิปสติก ทั้งสองสี ) โดย: วินิต ณ ระนอง [20 เม.ย. 2551 14:29] |
ข้อคิดเห็นที่
2: http://en.wikipedia.org/wiki/Lipstick Lipstick โดย: นักเคมี [15 ก.พ. 2552 21:56] |
ข้อคิดเห็นที่
3: หนึ่งในเครื่องสำอางที่สาวๆมักพกติดไว้ในกระเป๋าเสมอก็คือ ลิปสติก นอกจากจะช่วยแต่งแต้มเรียวปากให้สวยงามแล้ว ยังช่วยให้ความชุ่มชื้น บำรุงเรียวปาก และป้องกันแสงแดดที่อาจทำร้ายริมฝีปากได้อีกด้วย การใช้ลิปสติกนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ(1) ย้อนกลับไปเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว สาวชาวอียิปต์จะนำแมลงปีกแข็งสีแดงนำมาบดผสมกับไข่ และนำมาทาปาก ต่อมาพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 1 ทรงโปรดให้ผลิตลิปสติกขึ้น โดยนำสีแดงมาผสมกับขี้ผึ้ง หลายศตวรรษต่อมาได้มีการนำปรอทมาผสมในลิปสติกเพื่อให้ลิปสติกมีสีแดงมากขึ้น ในทศวรรษ 1920 ได้มีการพัฒนาลิปสติกให้ทาแล้วติดทนนานด้วย ลิปสติกในปัจจุบันนอกจากจะให้สีสันสวยงาม และให้ความชุ่มชื้นช่วยลดริมฝีปากแตกแห้งแล้ว ยังช่วยปกป้องริมฝีปากจากแสงแดด ลม และอุณหภูมิที่เย็นได้อีกด้วย ส่วนประกอบของลิปสติกโดยทั่วไป (1,2) ได้แก่ - Wax เป็นส่วนประกอบหลักในลิปสติก เพื่อให้ลิปสติกคงรูปเป็นแท่งได้ เช่น Carnauba wax , Beeswax - น้ำมัน เติมลงไปเพื่อให้ลิปสติกมีความอ่อนนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป และมีคุณสมบัติเป็น emollient ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก เช่น Castor seed oil, Sunflower seed oil, Vegetable oil, Mineral oil, Coconut oil, Corn oil, Safflower oil และLanolin oil - สี มักเป็นสีที่ละลายในไขมัน และต้องผ่านการรับรองให้ใช้ในลิปสติกได้ เช่น brilliant blue, erythrosine, amaranth, rhodamine, tartrazine, dibromofluorescein และtetrabromofluorescein สำหรับสีที่ละลายน้ำไม่นิยมใช้ เพราะสีจะจางลงอย่างรวดเร็วเมื่อใช้ลิ้นเลียริมฝีปาก บางครั้งอาจมีการนำสีที่ละลายน้ำมาใช้บ้าง แต่ต้องผสมกับ metal oxide เช่น Al(OH)3 - สารกันเสีย เช่น methylparaben, propylparaben และBHT - สารแต่งกลิ่น ซึ่งมักเติมเพื่อกลบกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของไขมัน - สารแต่งรส - วิตามิน ช่วยบำรุงริมฝีปาก เช่น วิตามินเอ ซี อี - สารป้องกันรังสี UVA เช่น oxybenzone 7.5-1.5% - สารป้องกันรังสี UVB เช่น octyl methoxycinnamate and padimate O 7.5-1.5% ลิปสติกในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายชนิด ก่อนที่จะเลือกใช้ลิปสติกแต่ละชนิด เราควรทราบว่าลิปสติกแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร - เนื้อ gloss(3,4) เป็นลิปสติกชนิดเหลว เนื้อลิปจะใส เมื่อนำมาทาบนริมฝีปากมักไม่ค่อยเห็นสีหรือเห็นสีอ่อนมาก ลิปกลอสช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้น ดูมันวาว และมักมีส่วนผสมของ glitter ซึ่งช่วยสะท้อนแสงเพิ่มมิติ ทำให้ริมฝีปากดูอิ่มเอิบ - เนื้อ sheer (4, 5) เป็นลิปสติกที่ให้เนื้อสีบางเบา ทำให้ริมฝีปากดูเนียนสวยดูเป็นธรรมชาติ ไม่มันเยิ้ม มักจะมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น อโลเวร่า กลีเซอรีน ช่วยให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี และไม่แตกแห้งเป็นขุย ข้อดีคือ ให้เนื้อสัมผัสเบาบางเป็นธรรมชาติ - เนื้อ Frost (6) เป็นลิปสติกที่มีเนื้อสีเข้มข้นซึ่งจะเข้มข้นกว่าเนื้อ sheer แต่จะเข้มข้นใกล้เคียงกับชนิดครีม ซึ่งลิปสติกชนิดนี้จะแตกต่างจากลิปสติกชนิด Cream ตรงที่จะมีส่วนของ Glitter ซึ่งเมื่อสะท้อนกับแสงจะทำให้เห็นเป็นประกาย ทำให้ริมฝีปากดูเปล่งปลั่งสดใส เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบาง เมื่อทาลิปสติกชนิดนี้จะทำให้ริมฝีปากดูโดดเด่นขึ้น - เนื้อ Cream (6) เป็นลิปสติกที่มีเนื้อสีเข้มข้น และมีส่วนผสมของ Moisturiser ช่วยให้เนื้อลิปสติกมีความเนียนลื่นทาได้ง่าย ไม่มีคราบติดตามร่องริมฝีปาก ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นกับริมฝีปากอีกด้วย ลิปสติกชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับสาวที่มีริมฝีปากหนา เพราะเนื้อครีมที่เข้มข้นจะยิ่งเน้นให้ริมฝีปากดูหนายิ่งขึ้น - เนื้อ Matte (5) เป็นลิปสติกที่มีความเข้มข้นของเนื้อสีมากที่สุด ปราศจากส่วนผสมของน้ำมัน สีที่ได้จะเป็นสีด้านไม่มันเงา ลิปสติกนี้เมื่อทาแล้วจะติดทนนาน ไม่ลบเลือนง่าย ข้อเสียของลิปสติกชนิดนี้คือ ทำให้ปากแห้ง ดังนั้นไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากแห้งหรือแตกอยู่แล้ว โดย: คนไม่มีขื่อ [1 ธ.ค. 2553 08:02] |