สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
ถาม-ตอบ

ระหว่างลิปสติกสีส้มกับสีแดง สีไหนมีสารพิษมกกว่ากัน

พอดีว่าอาจารย์ถามมา แล้วหาคำตอบไม่ได้ค่ะ

โดย:  student   [17 เม.ย. 2551 23:02]
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก:  เมนูนานาสาระ และหมวด พิษวิทยา
ข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิจะแสดงในกรอบสีเขียว ส่วนข้อคิดเห็นหรือความเห็นจากผู้อื่นจะแสดงในกรอบปกติ
ข้อคิดเห็นที่ 1:1

ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องแน่นอน หรอกครับ  ขึ้นกับว่า  อาจารย์ ที่ถามคุณ  คิด และ เชื่อ อย่างไร  

ถ้าอาจารย์ เชื่อว่า สารให้สี  ( Colorant  /  Pigment  /  Dye ) ทุกชนิด  ที่ใช้ในลิปสติก เป็นสารพิษ  ในขณะที่ส่วนผสมอื่นๆ ใน ลิปสติกสีส้ม และ ลิปสติกสีแดง เหมือนกันหมด ( ไม่ว่าจะเป็นสารพิษหรือไม่ )    

คำตอบ ที่ควรตอบ คือ    ลิปสติกสีส้ม ที่มีสารให้สี ผสมกันสองตัว ( เช่น สีเหลือง กับ สีแดง )  จะมีสารพิษ มากกว่า ลิปสติกสีแดง ที่มีสารให้สี เพียง หนึ่งตัว ( คือ สีแดง )  

หรือ    ลิปสติกสีส้ม ที่มีสารให้สี หนึ่งตัว ( คือ สีส้ม )  จะมีสารพิษ มากเท่ากับ ลิปสติกสีแดง ที่มีสารให้สี หนึ่งตัว ( คือ สีแดง )  

แต่ถ้าต้องการคำตอบที่เป็นวิชาการสุดๆ โดยต้องลงทุน ( ด้วย แรงกาย เวลา เงิน ฯลฯ )  และใช้เว็บไซต์นี้ให้เป็นประโยชน์ด้วย  ควรจะ ทำตามลำดับขั้นตอน  ต่อไปนี้  
1.  หา ข้อมูล ส่วนผสม ของ  ลิปสติกสีส้ม และ ลิปสติกสีแดง  ( หาชื่อทางเคมี ของ ส่วนผสมทุกตัว )  อาจต้องลงทุน ไปอ่านชื่อส่วนผสมจากผลิตภัณฑ์ ลิปสติก ทั้ง สองสี จริงๆ  หรือ  ลงทุนซื้อ ลิปสติก ทั้ง สองสี มาเลย  จะได้ไม่โดนคนขาย บ่น ด่า ที่ไปยืนอ่าน แล้วไม่ซื้อ  
2.  นำ ชื่อทางเคมี ของ ส่วนผสมทุกตัว  มาค้นหา ใน เว็บไซต์นี้  ( หน้าแรก  มุมบนขวา  " ค้นหาด้วยชื่อสารหรือผลิตภัณฑ์ " )  และ จดบันทึกว่า  พบว่า สารเคมีกี่ชนิด  ( จาก ลิปสติก แต่ละสี ) ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ สารพิษ  สารอันตราย  สารต้องห้าม  
3.  เปรียบเทียบ จำนวน ส่วนผสม ที่เป็นสารพิษ  ใน ลิปสติก ทั้งสองสี  
4.  นำผลที่ได้  ไปเสนอให้อาจารย์ดู  ( อาจขายลิปสติก ที่ซื้อมา ให้อาจารย์ ไปด้วย  เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์การสอนในอนาคต )

( อย่าแปลกใจ  ถ้าค้นหาแล้ว  ไม่พบว่ามีสารพิษใดๆ อยู่ใน ลิปสติก ทั้งสองสี )

โดย:  วินิต  ณ ระนอง  [20 เม.ย. 2551 14:29]
ข้อคิดเห็นที่ 2:2

http://en.wikipedia.org/wiki/Lipstick        Lipstick

โดย:  นักเคมี  [15 ก.พ. 2552 21:56]
ข้อคิดเห็นที่ 3:3

หนึ่งในเครื่องสำอางที่สาวๆมักพกติดไว้ในกระเป๋าเสมอก็คือ ลิปสติก นอกจากจะช่วยแต่งแต้มเรียวปากให้สวยงามแล้ว ยังช่วยให้ความชุ่มชื้น บำรุงเรียวปาก และป้องกันแสงแดดที่อาจทำร้ายริมฝีปากได้อีกด้วย
การใช้ลิปสติกนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ(1) ย้อนกลับไปเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว สาวชาวอียิปต์จะนำแมลงปีกแข็งสีแดงนำมาบดผสมกับไข่ และนำมาทาปาก ต่อมาพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 1 ทรงโปรดให้ผลิตลิปสติกขึ้น โดยนำสีแดงมาผสมกับขี้ผึ้ง หลายศตวรรษต่อมาได้มีการนำปรอทมาผสมในลิปสติกเพื่อให้ลิปสติกมีสีแดงมากขึ้น ในทศวรรษ 1920 ได้มีการพัฒนาลิปสติกให้ทาแล้วติดทนนานด้วย  
ลิปสติกในปัจจุบันนอกจากจะให้สีสันสวยงาม และให้ความชุ่มชื้นช่วยลดริมฝีปากแตกแห้งแล้ว ยังช่วยปกป้องริมฝีปากจากแสงแดด ลม และอุณหภูมิที่เย็นได้อีกด้วย
ส่วนประกอบของลิปสติกโดยทั่วไป (1,2)  ได้แก่
- Wax เป็นส่วนประกอบหลักในลิปสติก  เพื่อให้ลิปสติกคงรูปเป็นแท่งได้ เช่น Carnauba wax  , Beeswax
- น้ำมัน เติมลงไปเพื่อให้ลิปสติกมีความอ่อนนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป และมีคุณสมบัติเป็น emollient  ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก เช่น Castor seed oil, Sunflower seed oil, Vegetable oil, Mineral oil, Coconut oil, Corn oil, Safflower oil  และLanolin oil
- สี มักเป็นสีที่ละลายในไขมัน และต้องผ่านการรับรองให้ใช้ในลิปสติกได้ เช่น  brilliant blue, erythrosine, amaranth, rhodamine, tartrazine, dibromofluorescein และtetrabromofluorescein สำหรับสีที่ละลายน้ำไม่นิยมใช้ เพราะสีจะจางลงอย่างรวดเร็วเมื่อใช้ลิ้นเลียริมฝีปาก บางครั้งอาจมีการนำสีที่ละลายน้ำมาใช้บ้าง แต่ต้องผสมกับ metal oxide เช่น Al(OH)3
- สารกันเสีย เช่น methylparaben, propylparaben และBHT
- สารแต่งกลิ่น  ซึ่งมักเติมเพื่อกลบกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของไขมัน
- สารแต่งรส
- วิตามิน  ช่วยบำรุงริมฝีปาก เช่น วิตามินเอ ซี อี
- สารป้องกันรังสี UVA เช่น oxybenzone 7.5-1.5%
- สารป้องกันรังสี UVB เช่น octyl methoxycinnamate and padimate O 7.5-1.5%
ลิปสติกในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายชนิด ก่อนที่จะเลือกใช้ลิปสติกแต่ละชนิด เราควรทราบว่าลิปสติกแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร
- เนื้อ gloss(3,4) เป็นลิปสติกชนิดเหลว เนื้อลิปจะใส เมื่อนำมาทาบนริมฝีปากมักไม่ค่อยเห็นสีหรือเห็นสีอ่อนมาก ลิปกลอสช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้น ดูมันวาว และมักมีส่วนผสมของ glitter ซึ่งช่วยสะท้อนแสงเพิ่มมิติ ทำให้ริมฝีปากดูอิ่มเอิบ
- เนื้อ sheer (4, 5) เป็นลิปสติกที่ให้เนื้อสีบางเบา ทำให้ริมฝีปากดูเนียนสวยดูเป็นธรรมชาติ ไม่มันเยิ้ม มักจะมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น อโลเวร่า กลีเซอรีน ช่วยให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี และไม่แตกแห้งเป็นขุย ข้อดีคือ ให้เนื้อสัมผัสเบาบางเป็นธรรมชาติ
- เนื้อ Frost (6) เป็นลิปสติกที่มีเนื้อสีเข้มข้นซึ่งจะเข้มข้นกว่าเนื้อ sheer แต่จะเข้มข้นใกล้เคียงกับชนิดครีม ซึ่งลิปสติกชนิดนี้จะแตกต่างจากลิปสติกชนิด Cream ตรงที่จะมีส่วนของ Glitter ซึ่งเมื่อสะท้อนกับแสงจะทำให้เห็นเป็นประกาย ทำให้ริมฝีปากดูเปล่งปลั่งสดใส เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบาง  เมื่อทาลิปสติกชนิดนี้จะทำให้ริมฝีปากดูโดดเด่นขึ้น
- เนื้อ Cream (6) เป็นลิปสติกที่มีเนื้อสีเข้มข้น และมีส่วนผสมของ Moisturiser ช่วยให้เนื้อลิปสติกมีความเนียนลื่นทาได้ง่าย ไม่มีคราบติดตามร่องริมฝีปาก ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นกับริมฝีปากอีกด้วย ลิปสติกชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับสาวที่มีริมฝีปากหนา เพราะเนื้อครีมที่เข้มข้นจะยิ่งเน้นให้ริมฝีปากดูหนายิ่งขึ้น
- เนื้อ Matte (5) เป็นลิปสติกที่มีความเข้มข้นของเนื้อสีมากที่สุด ปราศจากส่วนผสมของน้ำมัน สีที่ได้จะเป็นสีด้านไม่มันเงา  ลิปสติกนี้เมื่อทาแล้วจะติดทนนาน ไม่ลบเลือนง่าย ข้อเสียของลิปสติกชนิดนี้คือ  ทำให้ปากแห้ง ดังนั้นไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากแห้งหรือแตกอยู่แล้ว


โดย:  คนไม่มีขื่อ  [1 ธ.ค. 2553 08:02]
หากท่านต้องการถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อคำถามนี้ กรุณากดปุ่มนี้

หากท่านต้องการแสดงข้อคิดเห็นหรือแสดงความคิดเห็นที่อยู่ในประเด็นเดียวกับหัวข้อนี้ ให้กรอกข้อมูล แล้วกดปุ่มส่งข้อความด้านล่างนี้