|
ชีวิตเราทุกวันนี้ ดูเหมือนจะขาดน้ำยาทำความสะอาดไม่ได้เสียแล้ว เพราะมันช่วยแม่บ้าน ทำให้เบาแรงในการทำความสะอาดมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางทีอาจใช้พร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็นก็ได้ เราน่าจะมาทำความรู้จักกับน้ำยากลุ่มนี้ ได้แก่ น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างพื้น น้ำยาทำความสะอาดทั่วไป น้ำยาขจัดคราบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้างแบบไหน รวมทั้งสบู่และน้ำยาล้างจาน ส่วนประกอบที่เหมือนกันก็คือ สารช่วยทำความสะอาดที่เรียกว่าดีเทอร์เจนต์ ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ มีโครงสร้างโมเลกุลทางเคมีเป็นสายโซ่ยาว แยกได้เป็นกลุ่มน้ำยาสูตรกรด เหมาะกับการใช้ล้างห้องน้ำ โดยทั่วไปใช้กรดเกลือหรือชื่อทางเคมีว่ากรดไฮโดรคลอริกเข้มข้น 12 % เป็นสารออกฤทธิ์ อาจมีการผสมกรดฟอสฟอริกและสารเติมแต่ง น้ำยานี้ล้างคราบหินปูนได้ดี เพราะกรดจะทำปฏิกิริยากับหินปูน เกิดฟองฟู่ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กรดมีฤทธิ์กัดกร่อนผิวหนัง ควรสวมถุงมือเวลาใช้ อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มน้ำยาเบสแก่ กลุ่มนี้ทำความสะอาดคราบไขมันที่สกปรก โดยเบสทำปฏิกิริยากับไขมัน ล้างคราบน้ำมันบนขอบเตา หรือผนังห้องครัวได้ดี สารออกฤทธิ์คือโซดาไฟเข้มข้น ซึ่งอาจผสมผงขัดเข้าไปด้วย น้ำยาพวกนี้มีลักษณะข้นขาว และมักระบุเฉพาะว่าใช้ทำความสะอาดห้องครัว ไม่เหมาะกับการนำไปใช้กับอย่างอื่น ถ้าเข้มข้นมากจะกัดมือทำให้มือเหี่ยวเห็นได้ทันตา จึงควรสวมถุงมือเวลาใช้ น้ำยากลุ่มที่สามคือกลุ่มสารอินทรีย์ ใช้ทำความสะอาดประจำวันทั่วไป เช่นถูพื้นไม้ หลายผลิตภัณฑ์จะมีการเติมกลิ่นเพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ บางสูตรก็เติมสารฆ่าเชื้อโรคลงไปด้วย ราคาก็จะสูงขึ้น น้ำยากลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มผสมสารอินทรีย์กับเบสอ่อน เช่นแอมโมเนีย เหมาะกับการทำความสะอาดคราบที่ไม่หนานัก เช่นใช้เช็ดกระจก ดังนั้นน้ำยาแต่ละชนิดจะเหมาะกับงานเฉพาะอย่าง เลือกใช้ให้เหมาะ มิฉะนั้นจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ คราบหินปูนใช้สูตรกรด คราบน้ำมันใช้สูตรเบส แต่ที่ดีที่สุดคือ พยายามใช้ให้น้อยที่สุดหรือใช้ทดแทนด้วยผงซักฟอกธรรมดาร่วมกับการใช้แปรงขัดคราบต่างๆในห้องน้ำหรือในครัว
|
หมายเหตุ
|
Hydrochloric acid
|
เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพรบ. วัตถุอันตราย ควบคุมโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมประมง
|
|
