เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม มีข่าวรัฐบาลอังกฤษจับกุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนัยว่าเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม พร้อมกับเปิดเผยแผนของผู้ก่อการร้ายที่จะวินาศกรรมเครื่องบินหลายลำที่จะบินไปสหรัฐอเมริกา เครื่องมือสำคัญในแผนที่รัฐบาลอังกฤษระบุไว้คือ ระเบิดสารเคมี ซึ่งคาดว่าผู้ก่อการร้ายอาจจะใช้สารไนโตรกลีเซอรีน (nitroglycerine, NTG) หรือ สารไตรอะซีโตน ไตรเพอร็อกไซด์ (triacetone triperoxide, TATP)
สารไนโตรกลีเซอรีนเป็นของเหลวที่ระเบิดได้ ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1846 เมื่อ Ascanio Sobrero ผสมกลีเซอรีนกับส่วนผสมของกรดไนตริกและซัลฟุริกจากนั้น Alfred Nobel ได้พัฒนาต่อโดยผสมกับซิลิกาได้เป็นสารที่หนืดขึ้นง่ายต่อการบรรจุ และเรียกสิ่งที่ได้นี้ว่า ไดนาไมท์
นอกจากไดนาไมท์ที่ใช้ระเบิดเขา ไนโตรกลีเซอรีนยังถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจเพื่อผ่อนคลายหรือขยายหลอดเลือดโคโรนารีทำให้เลือดไหลเข้าสู่หัวใจได้มากขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง
สิ่งที่ต่างกันในการใช้ไนโตรกลีเซอรีนในการระเบิดเขาและขยายหลอดเลือดให้ยืดหยุ่นขึ้นคือปริมาณที่ใช้
ส่วนสารไตรอะซีโตนไตรเพอร็อกไซด์ เป็นผลึกสีขาว ไวต่อความร้อน การเสียดสี และสั่นสะเทือนหรือกระแทกอย่างรุนแรง ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1895 โดย R. Wolffenstein จากปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนเพอร็อกไซด์และอะซีโตน การระเบิดของสารนี้เกิดจากการสลายตัวจากของแข็งกลายเป็นก๊าซปริมาณมหาศาล สารนี้เพียงไม่กี่กรัมสามารถสลายตัวให้ก๊าซหลายพันลิตรได้ภายในเสี้ยววินาที โดยที่มีความร้อนเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่เกิดแรงดันอย่างมากมายมหาศาล การระเบิดเกิดจากแรงดันมหาศาลนี้ ลักษณะการสลายตัวนี้คล้ายกับการสลายตัวของสาร azide ใช้ในถุงลมนิรภัยที่ติดตั้งในรถยนต์ แต่มีการปรับแต่งให้มีอานุภาพรุนแรงมากกว่า
สารเคมีใช้ทางดีก็ช่วยชีวิตได้ ใช้ทางร้ายก็ทำลายชีวิตได้เช่นกัน...
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 12 สิงหาคม 2549
* ดูรายการสารที่สหรัฐอเมริกาจัดเป็นวัตถุระเบิดได้ที่
http://www.globalsecurity.org/military/systems/munitions/explosives-list.htm
|