ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้บรรยากาศของโลกร้อนขึ้น ที่ปล่อยออกมาจากโรงงานไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงและรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเร็วกว่ากำหนดหลายร้อยรายในแต่ละปี ในสหรัฐตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยตามรายงานการวิจัยของนายมาร์ค จาค็อบสัน แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ระบุว่า ผู้ที่เสียชีวิตนั้น เป็นผู้ที่ป่วยด้วยโรคปอดและหัวใจที่เกี่ยวข้องกับโอโซนและฝุ่นละอองที่เกิดจากมลพิษในอากาศ ที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้มาจากการทำกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ และเนื่องจากโลกร้อนขึ้นอันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เกิดการคาดหมายว่าอัตราการเสียชีวิตของชาวอเมริกันต่อปีจะเพิ่มขึ้น และการเสียชีวิตในลักษณะเช่นนี้จะมีจำนวนถึง 1,000 คนต่อปี หากอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นอีก 1.8 องศาฟาเรนไฮน์ หรือ 1 องศาเซลเซียส
นับเป็นครั้งแรกที่นักวิจัยระบุชัดเจน ว่าก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากฝีมือมนุษย์เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต และเมื่อนำข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมไปสร้างแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์พบว่า พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมลภาวะสูง จะยิ่งมีผู้เสียชีวิตมากร้อยละ 30 ของผู้เสียชีวิต เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐที่มีประชากรร้อยละ 12 ของประเทศ และมีเมืองติดอันดับมลภาวะสูงสุดมากถึง 6 เมือง จากทั้งหมด 10 เมืองทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดี การเสียชีวิตเพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับตัวเลขผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะมลภาวะทางอากาศทั้งหมดที่คาดว่าสูงถึงปีละ 50,000 - 100,000 คนในสหรัฐ และ 1.5 - 2 ล้านคนทั่วโลก
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ประจำวันที่ 5 มกราคม 2551 |