ก๊าซแอมโมเนีย รง.น้ำแข็งสัตหีบรั่ว คนงานหนีตายอลหม่าน |
| ผู้เขียน:
ไทยรัฐออนไลน์ 14 ก.พ. 2558 17:36 |
| วันที่:
14 ก.พ. 2558 |
วาล์วท่อส่งแอมโมเนียโรงงานน้ำแข็งสัตหีบชำรุด ก่อนระเบิดขึ้น ทำให้ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล คนงานวิ่งหนีตายอลหม่าน หลังระงับเหตุ ผวจ.ชลบุรี สั่งระงับผลิตชั่วคราว รอตรวจสอบ ...
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 ก.พ. 58 นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นายชวัฒน์ เทพทัพ ปลัดฝ่ายความมั่นคง และนายสมศักดิ์ ทับกลัด กำนันตำบลนาจอมเทียน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบ โรงผลิตน้ำแข็งสัตหีบ ม.5 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังเกิดเหตุเครื่องผลิตน้ำแข็งระเบิด ทำให้ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล คนงานพากันวิ่งหนีตายอลหม่าน โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
เบื้องต้นรถดับเพลิงเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ได้เข้าระดมฉีดน้ำเพื่อไม่ให้ก๊าซฟุ้งกระจาย โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จนสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
นางสมพงษ์ อยู่หาร อายุ 51 ปี เจ้าของกิจการ เล่าว่า โรงงานผลิตน้ำแข็งแห่งนี้ ได้เปิดทำการมานานกว่า 40 ปี เป็นโรงงานผลิตน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดใน อ.สัตหีบ ปัจจุบันมีเครื่องจักรผลิตน้ำแข็ง จำนวน 5 เครื่อง ก่อนเกิดเหตุ ขณะคนงานกำลังทำงานอยู่นั้น เครื่องจักรตัวที่ 2 วาล์วปิดเปิดเกิดชำรุด จนเกิดระเบิดขึ้น ก๊าซแอมโมเนียจำนวนมาก ที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำแข็ง ได้รั่วไหลฟุ้งกระจายปกคลุมตัวโรงงาน ทำให้คนงานจำนวนกว่า 10 คน พากันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ก่อนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเข้ามาระงับเหตุไว้ได้ทัน ส่วนสาเหตุเกิดจากวาล์ว หรือลิ้นเปิดปิดท่อส่งแอมโมเนียชำรุด แรงอัดจึงทำให้เกิดระเบิดมีเสียงดังสนั่น
ด้านนายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอสัตหีบ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้เข้าทำการตรวจสอบ พร้อมรายงานให้ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี รับทราบ จึงมีคำสั่งให้ทางโรงงานระงับการเดินเครื่องผลิตน้ำแข็งชั่วคราว รอให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัย ซึ่งหลังมีการตรวจสอบ และซ่อมทำจนเสร็จสมบูรณ์ ก็จะอนุญาตให้เปิดทำการได้ตามปกติ
สำหรับก๊าซแอมโมเนีย จะมีกลิ่นฉุนรุนแรง เมื่อผสมกับอากาศจะติดไฟได้ มีพิษต่อเนื้อเยื้อต่างๆ ของร่างกาย เช่น ตา ผิวหนัง เยื่อจมูก เยื่อบุทางเดินระบบหายใจ ถ้าในสภาพที่ถูกอัดให้เป็นของเหลว จะมีฤทธิ์กัดผิวหนังได้รุนแรงมาก ก๊าซแอมโมเนียจะเริ่มทำให้แสบตาตั้งแต่ความเข้มข้น 130-200 ถ้าเข้มข้นถึงระดับ 2,500 พีพีเอ็ม อาจทำให้เกิดของเหลวในปอด (Pulmonary edema) และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้. |
|
@ไทยรัฐออนไลน์
|
@ไทยรัฐออนไลน์
|
@ไทยรัฐออนไลน์
|
@ไทยรัฐออนไลน์
|
|
|
|
