โรคมินามาตะได้ชื่อมาจาก ชื่อ อ่าวมินามาตะ ที่ประชาชนได้รับพิษจากสารปรอท methyl mercury เป็นเวลายาวนานกว่าจะค้นพบถึงสาเหตุจริงๆ ที่มีการยื้อเรื่องข้อมูลการค้นพบระหว่างภาครัฐ – ภาคประชาชน และภาคอุตสาหกรรม กว่าจะได้ข้อสรุปถึงความเสียหายและการชดเชย
เริ่มต้นที่โรงงาน Chisso ซึ่งเปิดทำการผลิตปุ๋ยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 ต่อมาขยายเป็นอุตสาหกรรมเคมีผลิต acetate, acetaldehyde, acetic acid, vinyl chloride ฯลฯ ในกระบวนการผลิต acetaldehyde มีการใช้ mercuric sulfate เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ปฏิกิริยาข้างเคียงที่เกิดขึ้นไปทำให้เกิด methyl mercury ซึ่งเป็นสารพิษไปอยู่ในน้ำทิ้งที่ระบายสู่ทะเล ในช่วงเวลา 30 ปี จึงมีสิ่งมีชีวิตในอ่าวมินามาตะเสียชีวิตทั้งคนและสัตว์เลี้ยง เพราะบริโภคสัตว์น้ำในทะเลแถวนั้น ปี ค.ศ. 1956 เริ่มสังเกตเห็นอาการชักกระตุกในเด็กจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทรวงสาธารณสุขประกาศว่าเป็นโรคระบาดกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง จากการสืบสวนจึงพบว่าผู้ป่วยมักจะมาจากครอบครัวเดียวกัน ที่บริโภคอาหารหลักคือ ปลา หอย จากอ่าวมินามาตะ และสรุปได้ว่า สาเหตุมาจากโลหะหนักในอาหารทะเล และเริ่มสงสัยที่น้ำเสียจากโรงงาน นักประสาทวิทยาอังกฤษ Douglas McAlpine เป็นผู้ชี้ว่า อาการของผู้ป่วยคล้ายอาการของพิษปรอทจึงมุ่งเข้ามาที่ปรอท ผลการสำรวจในปี ค.ศ. 1959 ได้พบปริมาณปรอทที่น่าตกใจมากทั้งใน ปลา หอย ตะกอนดิน รวมทั้งในลำระบายน้ำเสียของโรงงานด้วย ที่ปากน้ำพบปริมาณปรอท 2 ก.ก.ต่อตะกอนดิน 1 ตัน ในเส้นผมพบสูงสุด 705 ppm เทียบกับ 4 ppm ของคนที่อยู่นอกอ่าวนี้ จึงสรุปได้ชัดเจนว่าสาเหตุคือ สารปรอทอินทรีย์ เมื่อ พฤศจิกายน ค.ศ.1959 ข้อมูล ณ มีนาคม ค.ศ. 2001 จำนวนเหยื่อ 2,265 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,784 ราย การฟื้นฟู เยียวยายังคงดำเนินต่อไป สหประชาชาติโดยเฉพาะ UNEP ให้ความสำคัญกับปัญหาปรอทถึงขั้นกำลังพิจารณายกระดับเป็นอนุสัญญา “มินามาตะ” เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการกับปรอท เพราะยังมีการใช้ปรอทในกิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก เช่น ในแบตเตอรี่ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ มินามาตะ เรื่องราวที่มากกว่าโรคร้าย http://www.chemtrack.org/News-Detail.asp?TID=3&ID=10) |