สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
บอกข่าวเล่าความ

การันตีเครื่องในหมูปลอดภัย หากพบสารปนเปื้อนส่งกลับหมด

ผู้เขียน: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
วันที่: 27 ก.พ. 2551

            อย.เผยเกาหลีส่งเครื่องในมาไทยมากสุด รองลงมาเป็นเบลเยียม ออสเตรเลีย พร้อมการันตีเครื่องในหมูปลอดภัย ผ่านเกณฑ์มาตรฐานหากพบปนเปื้อนตีกลับหมด ที่ผ่านมาพบแค่ตับปนเปื้อนสารปรอท เตรียมสุ่มตรวจเข้มทั้งด่านอาหาร ตลาด ซูเปอร์มาร์เกต เตือนคนเป็นเก๊าอย่ากินมากอาการอาจกำเริบได้
       
            นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า การนำเข้าเครื่องในหมูจากต่างประเทศ เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการตรวจสอบด้านความปลอดภัยของอาหาร
ซึ่ง อย.มีเกณฑ์การตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอยู่แล้วโดยจะต้องไม่มีสารปนเปื้อน แบคทีเรีย โลหะหนัก เช่น ปรอท ตะกั่ว เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด หากไม่พบสารเหล่านี้ก็อนุญาตให้มีการนำเข้าได้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาพบว่ามีการตีกลับสินค้านำเข้า เนื่องจากพบว่ามีการปนเปื้อนโลหะหนัก โดยพบสารปรอทในตับหมู แต่ก็มีการตีกลับไปน้อยมาก
       
            นพ.นิพนธ์ กล่าวต่อว่า จากตัวเลขการนำเข้าเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะเครื่องในหมู ซึ่งคนไทยนิยมบริโภคตับและหนังหมูนั้น มีการนำเข้าในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลตัวเลขในปี 2550 ของกรมศุลกากร พบมีการนำเข้า
เครื่องในสัตว์จากต่างประเทศจำนวน 67,000 ตัน โดยประเทศที่มีการนำเข้าสูงสุด ได้แก่ ประเทศเกาหลี เบลเยียม ออสเตรเลีย เยอรมันและเนเธอร์แลนด์ตามลำดับ แต่หากเรียงลำดับจากกลุ่มประเทศที่มีการนำเข้ากลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) นำเข้ามากที่สุดรองลงมาเป็นเกาหลี เบลเยียม และออสเตรเลีย
       
            "ในเรื่องของการปนเปื้อนแบคทีเรีย เชื้อโรคของอาหารที่นำเข้าที่มีความกังวลกันอยู่ เป็นหน้าที่ที่ อย.จะต้องดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว คงไม่ต้องกังวล เพราะหากมีการปนเปื้อนก็จะไม่อนุญาตให้นำมาจำหน่ายอย่างแน่นอน
ส่วนกระบวนการขั้นตอนการนำเข้าที่จะต้องแจ้งนั้นไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของ อย. อย่างไรก็ดี อย.จะส่งเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจเนื้อหมู และเครื่องที่ขายบริเวณด่านนำเข้า รวมถึงตลาดและซูเปอร์มาร์เกต อย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค" นพ.นิพนธ์ กล่าว
       
            นพ.นิพนธ์ เตือนด้วยว่า การรับประทานเครื่องในสัตว์ หรืออาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง ซ้ำๆ บ่อยๆ ต่อเนื่องไม่น่าจะเป็นผลดี โดยเฉพาะเครื่องในสัตว์เป็นอวัยวะการทำงานที่ใช้กำจัดของเสียของร่างกาย โอกาสที่จะมีสาร
ตกค้างอยู่จึงมีสูง ถึงแม้จะมีการตรวจสอบผ่านเกณฑ์มาตรฐาน อีกทั้งเครื่องในสัตว์ ด้วยกระบวนการย่อยอาหารจะทำให้เกิดกรดยูริกสูง ดังนั้น การรับประทานเครื่องในมากๆ อาจทำให้ผู้ที่เป็นโรคเกาต์อาการกำเริบได้ ดังนั้น ในต่างประเทสจึงไม่นิยมรับประทานเครื่องในสัตว์ และมักนำมาเป็นอาหารสัตว์มากกว่า

            ส่วนปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงนั้น นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า จากการสุ่มตรวจการใช้สารเร่งเนื้อแดง พบเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่เป็นปัญหาเพราะอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ โดยมีผู้ประกอบการแอบลักลอบใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนที่เกรงว่าการที่เนื้อหมูราคาแพง อาจทำให้มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงมากขึ้นนั้น อีกทั้งที่ผ่านมาทาง อย. เองได้ประสานและทำความเข้าใจกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่น่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด


ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551

  สารเคมีที่เกี่ยวข้อง:
Lead
Mercury
  เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง:
บอกข่าวเล่าความ - กรมปศุสัตว์เผยยังมีผู้ลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงในสุกร
 
  ข้อคิดเห็น
   

ขอเชิญร่วมแสดงข้อคิดเห็น