เมื่อวันที่ 25 กันยายน 51 คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมสภายุโรป ได้ลงคะแนนเสียงรับรองร่างระเบียบลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในรถยนต์รุ่นใหม่ที่จำหน่ายในอียู โดยเห็นชอบกับข้อเสนอที่กำหนดให้รถยนต์โดยสารรุ่นใหม่ที่จำหน่ายภายในอียูตั้งแต่ ค.ศ. 2012 เป็นต้นไปจะต้องปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 120 g ต่อกิโลเมตร และจะเก็บค่าปรับหากมีการปล่อยก๊าซเกินกำหนดไว้ในอัตรา 20 ยูโร ต่อกรัม ในปี ค.ศ. 2012 ถึง 95 ยูโร ต่อกรัม ในปี ค.ศ. 2015
ภูมิหลัง
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2550 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอร่างระเบียบที่กำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่จำหน่ายภายในอียูลดปริมาณการปล่อยก๊าซรถยนต์รุ่นใหม่ลงจากปัจจุบัน 160 กรัม ต่อกิโลเมตร เป็น 130 กรัม ต่อกิโลเมตร ภายในปี ค.ศ. 2012 โดยปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ในปัจจุบัน และกำหนดให้ใช้วิธีการอื่นๆ เสริม เช่น ยางรถยนต์ เชื้อเพลิง ระบบการขับขี่ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการปล่อยก๊าซลงอีก 10 กรัม ต่อกิโลเมตรควบคู่กัน
ร่างระเบียบฉบับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของยุโรป (European Automobile Manufacturer’s Association หรือ ACEA) ได้ลงนามในความตกลงโดยสมัครใจเมื่อปี ค.ศ. 1998 ว่าจะลดการปล่อยก๊าซลงให้เหลือ 140 กรัม ต่อกิโลเมตร ภายในปี ค.ศ. 2008 แต่ไม่สามารถดำเนินการบรรลุได้ตามเป้าหมาย
และเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 คณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม การวิจัยและพลังงานสภายุโรป ได้มีมติรับรองร่างระเบียบดังกล่าว แต่กำหนดความเข้มงวดน้อยกว่าที่คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอไว้ โดยเห็นว่าจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สามารถปรับตัวโดยไม่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน กล่าวคือ
(1) กำหนดให้ใช้ระยะเวลานานขึ้นในการลดการปล่อยก๊าซลงให้เหลือ 120 กรัม ต่อกิโลเมตร ภายในปี ค.ศ. 2015
(2) ผ่อนปรนเรื่องค่าปรับโดยเห็นว่าควรกำหนดอัตราค่าปรับระหว่าง 10 – 40 ยูโรต่อกรัม
(3) ให้เครดิตพิเศษสำหรับรถยนต์ที่ลดการปล่อยก๊าซลงเหลือน้อยกว่า 50 กรัม ต่อกิโลเมตร และรถยนต์ที่ไม่ปล่อยก๊าซเลย
ท่าทีล่าสุดของคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมสภายุโรป
แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรปจะทำการล็อบบี้อย่างหนักเพื่อให้ร่างระเบียบนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปน้อยที่สุด แต่ปรากฏว่าคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมสภายุโรป ได้มีมติคงความเข้มงวดของมาตรการตามที่คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอ รวมทั้งเห็นด้วยกับกำหนดเป้าหมายปี ค.ศ. 2012 แต่ได้เพิ่มเติมข้อกำหนดบางประการ ได้แก่
(1) ให้ใช้มาตรการนี้กับรถยนต์ขนาดใหญ่ด้วย ที่น้ำหนักมากกว่า 2,610 กิโลกรัม
(2) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2014 คณะกรรมาธิการยุโรปต้องเสนอร่างระเบียบที่กำหนดให้รถยนต์ปล่อยก๊าซในอัตราเฉลี่ยได้ไม่เกิน 95 กรัม ต่อกิโลเมตร ภายในปี ค.ศ. 2020 หลังจากที่ได้มีการประเมินผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างค่าใช้จ่ายกับผลประโยชน์ที่ได้รับ โดยคำนึงถึงพัฒนาการ นวัตกรรม และเทคโนโลยีในการลดการปล่อยก๊าซ
(3) ผู้ผลิตอาจขอเครดิตพิเศษสำหรับนวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ เช่น การใช้หลอดไฟที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะต้องไม่เกิน 75% ของการลดการปล่อยก๊าซโดยรวม
(4) ผู้ผลิตรถยนต์ตั้งแต่ 10,000 ถึง 300,000 คันต่อปี สามารถขอเป้าหมายทางเลือก (alternative target) ในการลดการปล่อยก๊าซโดยเฉลี่ย 25% จากระดับปี ค.ศ. 2006
จากมติของคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม การวิจัยและพลังงาน และคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมสภายุโรป จะเห็นได้ว่าภายในสภายุโรปเองยังมีความแตกต่างทางความคิดเห็นในเรื่องนี้อยู่มาก ซึ่งจะมีการลงคะแนนเสียงในที่ประชุมสภายุโรปเต็มคณะต่อไปในช่วงเดือน ตุลาคม หรือ พฤศจิกายน 2551
ในส่วนของประเทศสมาชิกก็มีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มประเทศที่ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ อาทิ เยอรมนี สวีเดน ที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการบางอย่างในร่างระเบียบนี้ ในขณะที่กลุ่มประเทศที่ผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก อาทิ ฝรั่งเศส อิตาลี มีท่าทีเห็นด้วยกับร่างระเบียบนี้มากกว่า
และในส่วนของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรป ได้เรียกร้องการกำหนดเป้าหมายการลด CO2 เป็นระยะๆ คือ 70% ในปี ค.ศ. 2012-2013, 80% ในปี ค.ศ. 2014 และ 100% ในปี ค.ศ. 2015 จึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับมติของคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมสภายุโรป โดยร้องขอให้ระงับการดำเนินการที่จะทำให้อนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปเป็นอันตราย
ทางด้านกลุ่มรักษาสิ่งแวดล้อมยินดีกับการตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซภายในปี ค.ศ. 2012 และการกำหนดอัตราค่าปรับ แต่เห็นว่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซให้เหลือ 95 กรัม ต่อกิโลเมตร ภายในปี ค.ศ. 2020 เป็นเป้าหมายที่สูงเกินไป ซึ่งอาจมีการทบทวนอีกในอนาคตจะไม่สร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิตพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร นอกจากนี้ เห็นว่าการให้เครดิตพิเศษสำหรับรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซไม่เกิน 50 กรัม ต่อกิโลเมตร อาจทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หันมาผลิตรถยนต์ประเภทนี้มากขึ้นเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซในรถยนต์รุ่นใหญ่กว่า แทนที่จะหาทางพัฒนาเทคโนโลยีให้มีการลดการปล่อยก๊าซในรถยนต์ที่ผลิตทั้งหมด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
ที่มาของข้อมูล : เว็บไซต์ไทยยุโรปดอตเน็ต www.thaieurope.net |