สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันอังคาร (7 ตุลาคม 2551) ว่า ประชาชนในมณฑลกว่างซี ทางตอนใต้ของประเทศจีนกว่าร้อยคนได้รับอันตรายจากสารเคมี หลังจากดื่มและใช้น้ำที่ปนเปื้อนสารหนู
       
            สำนักข่าวซินหัวระบุ ประชาชนกว่าร้อยคนในสองหมู่บ้าน ในเมืองเหอฉือ เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง กว่างซี เริ่มมีอาการตาแดง เป็นผื่นที่หน้า และอาเจียนหลังจากดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารหนูเข้าไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายงานตัวเลขผู้ป่วยแล้วจำนวน 136 คน
       
            เบื้องต้นแพทย์ได้นำตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วยมาตรวจสอบพบว่า มีสารหนูอยู่ในปัสสาวะของคนกลุ่มนี้ในปริมาณที่สูงมาก เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่บริเวณแหล่งน้ำเป็นต้นเหตุในการปล่อยของเสีย
       
            อย่างไรก็ตาม ทางการท้องถิ่นกลับระบุว่า สารเคมีที่รั่วไหลสู่แหล่งน้ำในเมืองเหอฉือ ไม่มีความรุนนแรงแต่อย่างใด ส่วนชาวบ้านที่ป่วยเพราะสารเคมีก็ได้รับการรักษาแล้ว อีกทั้งทางการยังได้ขนส่งน้ำดื่มที่สะอาดมอบให้กับชาวบ้านอีกด้วย
       
            ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว ทว่าปัญหาสารเคมีรั่วซึมซึ่งส่งผลอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในประเทศจีน ตัวอย่างเช่นเช่น เมื่อปี 2005 ก็เกิดเหตุโรงงานผลิตสารเบนซินในเมืองจี๋หลินระเบิด เป็นเหตุให้มีสารเคมีอันตรายรั่วไหลลงสู่แม่น้ำซงฮวา และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงงานสารเคมีในเมืองอี้โจว ทำให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นทั้งสิ้น 16 คน

            อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้นำระดับสูงของจีนได้ให้ความสนใจกับคุณภาพของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะเมืองที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ก็พบว่ามีแหล่งน้ำปนเปื้อนมลพิษเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งซัพพลายน้ำของเมืองสำคัญหลายแห่งของประเทศ 
       
            ทั้งนี้ สารหนู เป็นสารกึ่งโลหะ มีลักษณะเป็นผงสีเทาโดยทั่วไปในธรรมชาติเกิดจากการชะล้างของหินและแร่ที่มีสารหนูประกอบ นอกจากนี้ยังพบในอุตสาหกรรมบางชนิด เช่น การทำเหมืองแร่ การถลุงโลหะ โดยอันตรายจากสารหนูมีทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง อาการเบื้องต้นอาจจะคลื่นไส้ อาเจียน หรือเป็นตะคริวได้