ก่อนจะบ้วนปากครั้งต่อไป คุณคงต้องคิดอีกครั้ง เมื่อนักวิจัยพบว่าน้ำยาบ้วนปากหลายยี่ห้อที่วางขายตาท้องตลาดนั้น สามารถก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปากได้
Professor Michael McCullough จาก University of Melbourne เผยจากผลงานการวิจัยพบว่า น้ำยาบ้วนปากในปัจจุบันที่วางขายกันตามท้องตลาดนั้น มีส่วนผสมของเอทานอล (หรือแอลกอฮอล์) อยู่มากถึง 26 % และมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งในช่องปาก (oropharyngeal cancer หรือ OPC)
ผลงานการวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Dental Journal of Australia เผยข้อข้องใจที่ถกเถียงกันมานานว่า น้ำยาบ้วนปากนั้นสามารถเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งได้หรือไม่
เนื่องจากสารอะซิตอลดีไฮด์ (Acetaldehyde) ซึ่งเป็นของเหลือ (By-product) ของแอลกอฮอล์นั้นสามารถซึมผ่านเยื่อบุภายในปากได้อย่างง่ายดายและทำลายเซลล์ เมื่อเราอมและกลั้วปาก มันจะซึมเข้าไปเก็บไว้ในหลุมเล็กๆใต้ผิวหนังเยื่อบุภายในปาก นักวิจัยเชื่อว่ากระบวนการนั้นก่อให้เกิดมะเร็ง
จากการศึกษาที่ผ่านมา Professor Michael McCullough พบผู้ป่วยหลายรายที่ป่วยเป็นมะเร็งในช่องปากโดยไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ (เช่น ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ฯลฯ) แต่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เมื่อเขาและทีมงานศึกษาลึกลงไปจึงทราบ ทั้งนี้ คนออสเตรเลียเป็นมะเร็งในช่องปากกันกว่าปีละ 800 คน
Professor Michael McCullough ผู้ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการทันตกรรม จากสมาคมทันตกรรมแห่งออสเตรเลีย (Australian Dental Association หรือ ADA) กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นั้นควรจะขึ้นทะเบียนยาที่ต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์ และควรมีคำเตือนให้ผู้บริโภคระวังอันตรายให้เห็นชัดเจนด้วย
น้ำยาบ้วนปากในประเทศออสเตรเลียมีมูลค่ากว่า 65 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (หรือประมาณ 1650 ล้านบาท) Professor Michael McCullough เสนอว่า ทางสมาคมควรจะถอนคำรับรองการตรวจสอบมาตรฐานที่แสดงบนผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีนออกไปด้วย
ที่มาของข้อมูล : สำนักข่าวออสเตรเลีย www.news.com.au |