สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ เจลทาปากทินท์ (tint) อาจพบอันตรายจากหลายสาเหตุ เช่น สีห้ามใช้ การใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำ มีโลหะหนักปนเปื้อน มีจุลินทรีย์ปนเปื้อนเกินที่กฎหมายกำหนด ที่สำคัญหากใช้ลิปสติกร่วมกัน หรือทดลองใช้ตัวอย่างเครื่องสำอางตามร้านขายเครื่องสำอางก็มีโอกาสติดโรคได้ พร้อมแนะวิธีใช้ลิปสติกอย่างปลอดภัย ซื้อจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ วันนี้ อย.ได้เก็บตัวอย่างเจลทาปากทินท์ (tint) ส่งตรวจวิเคราะห์ 6 ยี่ห้อแล้ว
ภญ. วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย นพ. จิโรจน์ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง เปิดเผยกรณีวัยรุ่นไทยนิยมนำเจลทินท์ (tint) มาทาปากเพื่อให้ปากมีสีอมชมพูระเรื่อ ดูมีสุขภาพดีสวยใสเป็นธรรมชาติ นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยเป็นอย่างมาก เนื่องจากลิปสติกดังกล่าว ใช้ป้ายเข้าไปในริมฝีปากด้านใน ซึ่งมีโอกาสที่จะกลืนกินหรือดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้ว ลิปสติกเป็นเครื่องสำอางตกแต่งริมฝีปาก เพื่อแต่งสีหรือบำรุงให้ผิวชุ่มชื่น รูปแบบของผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น ชนิดแท่ง ป้ายริมฝีปากโดยตรงโดยใช้แปรงป้าย ชนิดเจล (ในหลอด / ตลับ) ป้ายริมฝีปากโดยตรงหรือใช้แปรงป้าย และชนิดน้ำยา (Solution) ซึ่งมีทั้งชนิดข้นและชนิดใส ความเสี่ยงของการใช้ลิปสติกนั้น อาจเกิดจากส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสีห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เช่น CI 45170 , CI 15585 หรือ การใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพต่ำ มีโลหะหนักปนเปื้อน มีจุลินทรีย์ปนเปื้อนเกินที่กฎหมายกำหนด รวมถึงวีธีการใช้ เช่น การทาริมฝีปาก มีโอกาสกลืนกินเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะการทาริมฝีปากด้านใน ดังเช่นกรณีของเจลทินท์ ซึ่งสัมผัสโดยตรงกับเยื่อบุอ่อนมีโอกาสถูกกลืนกินหรือถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย นอกจากนี้ หากใช้ลิปสติกร่วมกัน หรือทดลองใช้ตามร้านขายเครื่องสำอางก็มีโอกาสติดโรคได้ เช่น โรคเริม เป็นต้น
รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวต่อไปว่า อย. มีมาตรการในการกำกับดูแลเครื่องสำอางโดย ผู้ผลิต / ผู้นำเข้า ลิปสติก ต้องมาจดแจ้งก่อนผลิต / นำเข้า สำหรับการจดแจ้งนั้น ผู้ประกอบการมาแจ้งข้อมูล ชื่อ และประเภทผลิตภัณฑ์ สารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม ชื่อที่ตั้งผู้ผลิต / ผู้นำเข้า จากฐานข้อมูล อย. มีลิปสติก 1,906 รายการ ที่มีคำว่า Tint เป็นส่วนของชื่อมีจำนวน 48 รายการ ซึ่งคำว่า Tint เป็นคำศัพท์ที่หมายถึงสีที่มีสีขาวผสมอยู่ อย. ได้มีการเก็บตัวอย่างเครื่องสำอาง เช่น ตรวจหาสารห้ามใช้ ซึ่งจะรวมถึงสารปรอทในครีมทาฝ้า ตะกั่ว หรือสีห้ามใช้ในลิปสติก โดยในปี 2549 - 2551 ได้เก็บตัวอย่างลิปสติกจำนวนทั้งสิ้น 92 รายการ พบสีห้ามใช้จำนวน 6 รายการ ล่าสุด (26 มกราคม 2552) อย. ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า Tint ที่ฉลาก 6 ยี่ห้อ ส่งตรวจวิเคราะห์หาสีที่ห้ามใช้และโลหะหนักที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว
"ข้อแนะนำในการเลือกซื้อเลือกใช้ลิปสติก คือ ซื้อลิปสติกจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน ผลิตภัณฑ์ต้องมีฉลากภาษาไทยที่แสดงข้อความบังคับครบถ้วนชัดเจน โดยเฉพาะแหล่งผลิต นำเข้า และวันเดือนปีที่ผลิต เนื่องจากลิปสติกเป็นเครื่องสำอางที่สัมผัสกับผิวเป็นเวลานาน มีโอกาสกลืนกินเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น ลิปสติกที่เน้นให้ทาริมฝีปากด้านในจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย หากมีสารปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาจดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เนื่องจากน้ำหอม สารกันเสีย มีข้อมูลว่าก่อให้เกิดการแพ้ได้บ่อย ลิปสติกที่ผสมน้ำหอม สารกันเสีย อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ในบางคน ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ ที่สำคัญไม่ควรใช้ลิปสติกร่วมกับผู้อื่น หรือทดลองใช้ลิปสติกตามร้านขายเครื่องสำอาง เพราะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น โรคเริม เป็นต้น"
ที่มาของข้อมูล : กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา |