จากรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะเอกชนภายในซอยแพรกษา 8 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ขึ้นเป็นรอบที่ 3 ในรอบ 2 เดือน ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันสีดำ ลอยปกคลุมท้องฟ้าเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงระดมกำลังฉีดน้ำแรงดันสูง เข้าระงับเหตุนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเที่ยงคืนที่ผ่านมา จึงสามารถควบคุมเพลิงได้สำเร็จ ตามที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 13 พ.ค.57 มีรายงานว่า ขณะนี้สภาพแวดล้อมเข้าสู่สภาวะปกติไม่มีกลุ่มควันแล้ว เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบางส่วนที่ยังคอยเฝ้าระวังเหตุ พร้อมกับได้นำสายยางฉีดหล่อเลี่ยงที่เกิดเหตุเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรถแบ็กโฮ เข้ามาช่วยขุดขยะเพื่อป้องกันการปะทุของไฟที่อยู่ด้านล่างอีกด้วย
ทางด้าน นายอิม แพหมอ นายก อบต.แพรกษา เปิดเผยหลังเดินทางมาตรวจสอบว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง จัดกำลังและนำรถมาเฝ้าระวังเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนปัญหาที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเพลิงได้ล่าช้านั้น เนื่องจากมีน้ำขังอยู่ใต้บ่อขยะเป็นปริมาณมากจึงเป็นอุปสรรค เนื่องจากกองเพลิงนั้นอยู่ลึกเข้าไปห่างจาก ถนนกว่า 150 เมตร ส่วนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และประชาชนนั้นพบว่ามีน้อยกว่าครั้งแรกมาก เนื่องจากบริเวณที่ ถูกเพลิงไหม้นั้น กินเนื้อที่ไม่ เกิน 10 ไร่ ส่วนมาตรการป้องกันระยะยาวนั้นได้สั่งการให้เจ้าของบ่อทำการก่อสร้างรั้วคอนกรีต และทำถนนรอบบ่อขยะเผื่อเหตุเกิดขึ้นอีกจะได้ง่ายต่อการเข้าระงับเพลิง รวมทั้งให้เจ้าของบ่อนำดินลูกรังมาฝังกลบเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดปริมาณบ่อให้เล็กลง และติดเครื่องแรงดันน้ำสูงไว้ เพื่อที่จะสามารถระงับเหตุได้ทันท่วงที
ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน และสารเคมี กรมควบคุมมลพิษ ได้ลงพื้นที่เพื่อนำเครื่องวัดไอระเหยสารเคมีรวม ตรวจหาค่าสารพิษปนเปื้อนในอากาศ โดยผลการวัดค่าสารอินทรีย์ระเหย หรือ VOC พบมีค่าปกติ นอกจากนี้ยังได้นำเครื่องดังกล่าววัด ปริมาณไอระเหยของเชื้อเพลิงขั้นต่ำ หรือ LEL บริเวณจุดที่ยังไม่เกิดไฟไหม้ในบ่อขยะ พบว่า มีค่าไอระเหยซึ่งเป็นก๊าซมีเทน เพียง 20-27 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีค่าต่ำที่ยากต่อที่จะเกิดการติดไฟเอง ขณะที่บริเวณจุดที่เกิดเพลิงไหม้นั้น ไม่พบค่าไอระเหยของเชื้อเพลิง แต่อย่างใดเนื่องจากได้ถูกเพลิงเผาผลาญจากความร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ไปหมดแล้ว จากนั้นศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินฯ ได้เดินทางไปยังชุมชน หมู่บ้านสหกรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุเพลิงไหม้ โดยจากการตรวจวัดค่าสารปนเปื้อนในอากาศ พบว่า มีค่าสารอินทรีย์ระเหยเป็นศูนย์ และค่าก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ SO2 ก็อยู่ในค่าศูนย์ เช่นกัน ส่วนบรรยากาศโดยทั่วไปพบว่าชาวบ้านนั้นยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ
ที่มาของข้อมูล : ไทยรัฐออนไลน์ ประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 |