ผู้นำจากประเทศที่ร่ำรวยที่สุดของโลกและประเทศกำลังพัฒนา 16 ชาติ ตกลงเห็นพ้องในการทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับปัญหาโลกร้อนเมื่อวันพุธ แต่ยังประสบความล้มเหลวในการอุดช่องว่างที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกันอย่างหนักเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาสำคัญนี้ โดยจี 8 ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายใน 42 ปี แต่ประเทศกำลังพัฒนามองว่า นานเกินไป แนะควรปฏิบัติตามพันธสัญญาพิธีสารเกียวโต
ทั้งนี้ในบรรดาผู้นำซึ่งรวมถึงประธานา ธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐ, ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน และนายมานโมฮาน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ประชุมร่วมกันที่เมืองโทยาโกะ เมืองตากอากาศบนเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการประชุมหารือกันเป็นกรณีพิเศษเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หนึ่งในประเด็นร้อนในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 8 ชาติ หรือจี 8
แต่ประเทศกำลังพัฒนาประณามข้อเรียกร้องของจี 8 ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาประกอบด้วยอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น รัสเซีย และสหรัฐ ที่ตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี 2593 อ่อนแอเกินไป อย่างไรก็ตาม ประเทศร่ำรวยและประเทศกำลังพัฒนา จะมีการเจรจากันเพื่อให้บรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาเกี่ยวกับบรรยากาศโลกฉบับใหม่ภายในสิ้นปี 2552 ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ส่วนผู้นำโลกจะประชุมเรื่องโลกร้อนกันอีกครั้งในปีหน้าที่อิตาลี
อย่างไรก็ดี กลุ่ม 5 ชาติกำลังพัฒนาสำคัญ ซึ่งประกอบด้วยอินเดีย จีน บราซิล แอฟริกาใต้ และเม็กซิโก เรียกร้องให้กลุ่มจี 8 ลดปริมาณการปล่อยก๊าซก่อปฏิกิริยาเรือนกระจกเพิ่มขึ้นอีก โดยระบุว่า กลุ่มจี 8 ควรจะปฏิบัติตามพันธกรณีของพิธีสารเกียวโตที่กำหนดให้กลุ่มประเทศเหล่านั้นลดปริมาณการปล่อยก๊าซก่อปฏิกิริยาเรือนกระจกลงร้อยละ 20-40 ภายในปี 2563
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 |