แหล่งกำเนิดที่สำคัญของก๊าซพิษในเมืองใหญ่ซึ่งสร้างปัญหาทางสุขภาพล้วนมาจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การจราจร การเผาไหม้และการขนส่งทางอุตสาหกรรม ฯลฯ มลพิษที่ถูกปลดปล่อยออกมาจะเป็นมลพิษปฐมภูมิ ได้แก่ ฝุ่นละอองและก๊าซต่างๆ เมื่อมลพิษปฐมภูมิไปทำปฏิกิริยาต่อเนื่องทางเคมีในชั้นบรรยากาศจะกลายเป็นมลพิษทุติยภูมิซึ่งบางชนิดจะมีความรุนแรงและส่งผลเสียต่อสุขภาพค่อนข้างมาก เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์เมื่อรวมตัวกับน้ำจะมีความกรด หากเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจในปริมาณที่มากจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ฯลฯ มลพิษต่างๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายและมีโอกาสก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
ผศ.ดร.สุรัตน์ บัวเลิศ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับนักวิชาการจากหลายสถาบันเก็บข้อมูลสารประกอบเคมีในอากาศอย่างละเอียดทุกระดับชั้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อตรวจหาระดับและปริมาณฝุ่นละอองและก๊าซมลพิษที่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณสารประกอบที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง คณะผู้วิจัยได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างฝุ่นและก๊าซใน ๓ เมืองใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพฯ หาดใหญ่ และเชียงใหม่ โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาครัฐและเอกชน รวมทั้งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสภาวิจัยแห่งชาติ
ผศ.ดร.สุรัตน์ กล่าวถึงการวิจัยครั้งนี้ว่า มีที่มาจากเหตุการณ์หมอกควันเกินมาตรฐานที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงทางภาคเหนือเมื่อปี ๒๕๕๐ จึงต้องการศึกษาหาสาเหตุและวิธีป้องกันปัญหาดังกล่าว ความพิเศษของโครงการนี้ คือ เป็นการทำงานวิจัยที่รวมศาสตร์ของฟิสิกส์และเคมีเข้าด้วยกัน โดยได้ร่วมทำการวิจัยกับนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ละท่านจึงนำความรู้ที่ตนเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาผสมผสานกัน การทำงานวิจัยในโครงการนี้ต้องใช้งบประมาณสูงในการศึกษาลักษณะอุตุนิยมวิทยาชั้นบน โดยได้รับความร่วมมือจากกรมอุตุนิยมวิทยาในการปล่อยบอลลูนจากระดับชั้นล่างไปจนถึง ๔๐ กม. เหนือพื้นดินและต้องขึ้นไปเก็บตัวอย่างฝุ่นและก๊าซมลพิษบนตึกสูงใน ๓ เมืองใหญ่ โดยเก็บตัวอย่างจาก แต่ละชั้นบรรยากาศที่มีลักษณะแตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลต่อลักษณะและการสะสมของมวลสาร ตัวอย่างฝุ่นที่เก็บมาจะนำมาศึกษาองค์ประกอบทางเคมี โดยเฉพาะโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (พีเอเอช) ๑๕ ชนิด ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ส่วนข้อมูลจากก๊าซต่างๆ จะนำมาวิเคราะห์ว่ามีผลอย่างไรต่อความเข้มข้นของสารพีเอเอช ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
ผศ.ดร.สุรัตน์ อธิบายต่อว่า ฝุ่นขนาดเล็กจะมีลักษณะคล้ายก๊าซ ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเผาไหม้ เช่น จากการสันดาปในรถยนต์ การเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เป็นต้น โดยธรรมชาติแล้วอากาศร้อนจากพื้นดินจะลอยตัวสูงขึ้นไปปะทะกับอากาศที่เย็นกว่าในชั้นบรรยากาศ ในตอนกลางวันที่แดดดีและท้องฟ้าโปร่ง ฝุ่นขนาดเล็กจะสามารถลอยขึ้นไปชั้นบรรยากาศช่วงบนได้สูงมาก แต่จากการไปเก็บตัวอย่างฝุ่นและก๊าซที่จังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพบว่า ตอนเที่ยงวันระดับความสูงผสม (Mixing Height) กดต่ำลงมาจากระดับ ๑,๕๐๐ เมตร เหลือเพียง ๕๐๐ เมตร ระดับความเข้มข้นของฝุ่นจึงมีอัตราที่สูงมาก โดยปกติแล้วอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศจะลดลงตามชั้นที่สูงขึ้นไป แต่การที่ระดับความสูงผสมกดต่ำลง พบว่าอุณหภูมิของบรรยากาศชั้นบนกลับสูงขึ้น ทำให้อากาศไม่ลอยขึ้น สาเหตุเกิดจากการที่อากาศเย็นปะทะกับอากาศร้อน หรือการลอยตัวเข้ามาของอากาศร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาปกคลุม ดังเช่นเหตุการณ์ที่ระดับฝุ่นละอองเกินมาตรฐานที่ จ.เชียงใหม่เมื่อปีที่แล้วซึ่งมีสาเหตุมาจากการเผาไหม้ การที่ระดับความสูงผสมต่ำติดต่อกันหลายวัน ทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นเกินมาตรฐานมาก ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นวิเคราะห์ว่าจากสภาวะที่เป็นอยู่นี้จะทำให้เกิดผลต่อสารประกอบพีเอเอชหรือไม่ อย่างไร
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อการเกิดภาวะหมอกควันปกคลุมที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือตอนบนหรือไม่นั้น ผศ.ดร.สุรัตน์ กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนมีส่วนส่งเสริมให้เกิดหมอกควันขึ้น เพราะอากาศร้อนทำให้เกิดความแห้งแล้ง ในช่วงที่มีการเผาต้นไม้เพื่อการเกษตรกรรม การลามไปไหม้ป่าจะมีมากกว่าปกติเพราะความชื้นค่อนข้างต่ำ และมีมวลอากาศร้อนที่ลอยเข้ามาจากทางทิศตะวันตกของประเทศก่อนจะเกิดปัญหาหมอกควัน ทำให้อุณหภูมิของชั้นบรรยากาศชั้นล่างสูงกว่าชั้นบน ซึ่ง ผลที่ได้จากการวิจัยนี้ จะทำให้เรารู้ว่าเมื่อใดจะเกิดปัญหาขึ้นอีก เพื่อที่จะสามารถแจ้งเตือนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลดการเผาป่า หรือเตือนว่าช่วงใดไม่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวเพื่อที่จะลดและหลีกเลี่ยงความสูญเสียอันเนื่องมาจากปรากฏการณ์ลักษณะนี้
ที่มาของข้อมูล : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย www.chula.ac.th |