ผลการศึกษาล่าสุดพบว่า คนกรุงเทพฯ ได้ก่อมลพิษโดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมากเท่ากับคนในมหานครนิวยอร์กของประเทศสหรัฐอเมริกา และยังมากกว่าคนในกรุงลอนดอนของประเทศอังกฤษ
รายงานผลการศึกษาชื่อ Bangkok : Assessment Report on Climate Change 2009 ของสำนักงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิใบไม้เขียว โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ตอกย้ำพฤติกรรมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมากของคนกรุงเทพฯ และก็สะท้อนถึงภัยคุกคามต่อกรุงเทพฯ จากน้ำทะเลที่สูงขึ้นอันเป็นผลจากภาวะโลกร้อนด้วย
จากการศึกษาพบว่า เมื่อปี พ.ศ.2550 คนกรุงเทพฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คนละ 7.1 ตัน / ปี เท่ากับชาวนิวยอร์ก ขณะที่คนในกรุงลอนดอนปล่อยก๊าซเพียงคนละ 5.9 ตัน / ปี โดยสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในกรุงเทพฯ มาจากการคมนาคม และการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งปริมาณการปล่อยก๊าซของคนกรุงเทพฯ คำนวณจากจำนวนประชากรอย่างเป็นทางการ 6 ล้านคน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงจะมากเป็น 2 เท่า โดยส่วนมากเป็นแรงงานต่างจังหวัดที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานในเมืองหลวงแห่งนี้
รายงานยังระบุว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้ในอนาคตของกรุงเทพฯ จะมีวันที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียสมากขึ้น จะเกิดโรคมาลาเรีย และโรคอื่นๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และผลจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในกรุงเทพฯ จะรุนแรงขึ้นด้วย คาดว่าพื้นที่ครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากระดับน้ำทะเลปานกลางเพิ่มสูงขึ้น 50 เซนติเมตร และหากระดับน้ำทะเลปานกลางเพิ่มสูงขึ้น 1 เมตร จะทำให้พื้นที่ร้อยละ 75 ของกรุงเทพฯ เผชิญปัญหาน้ำท่วม
นอกจากนี้ จะเกิดปัญหาแผ่นดินทรุดจากการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้มากเกินไป รวมทั้งปัญหาแหล่งน้ำปนเปื้อน ซึ่งทั้งสองปัญหาจะทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากประชากรในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น ปัญหาเหล่านี้ทำให้สำนักงานกรุงเทพมหานครออกโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ร้อยละ 15 ภายในปี พ.ศ.2555 ด้วยการขยายระบบขนส่งสาธารณะ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพิ่มสวนสาธารณะ และปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ที่มาของข้อมูล : สำนักข่าวไทย ประจำวันที่ 24 เมษายน 2552 |