รายงานภาวะมลพิษจากไอเสียรถยนต์ ซึ่งกระทรวงป้องกันสิ่งแวดล้อมเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 พฤศจิกายน 2553) ระบุว่า กว่าร้อยละ 30 ของเมืองขนาดใหญ่และขนาดกลาง 113 เมืองทั่วประเทศ มีสภาพอากาศไม่ได้มาตรฐานแห่งชาติ โดยสาเหตุใหญ่มาจากการปล่อยไอเสียของยวดยานพาหนะและจากการเผาถ่านหินบ้าง โดยเริ่มมองเห็นปัญหามลพิษในอากาศ นับตั้งแต่ฝนกรด หมอกแดด และหมอกควันแบบโฟโตเคมิคัล (photochemical smog) ได้บ่อยขึ้นในบางภาคภูมิภาค
ในบางภูมิภาคประสบสภาพอากาศ ที่มีหมอกแดดนานกว่า 200 วันเมื่อปี 2552 ซึ่งปัญหาทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการปล่อยไอเสียรถยนต์ รวมทั้งก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ และอนุภาคอื่นๆ รายงานดังกล่าวระบุ
การปล่อยไอเสียรถยนต์มีปริมาณทั้งสิ้นสูงกว่า 51 ล้านตันในปีที่แล้ว ซึ่งกว่า 40 ล้านตันเป็นก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ เกือบ 5 ล้านตันเป็นก๊าซไฮโดรคาร์บอน ราว 6 ล้านตันเป็นก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ และอนุภาคอื่นๆ อีก 590,000 ตัน จากสถิติของกระทรวงป้องกันสิ่งแวดล้อม
รายงานยังระบุเพิ่มเติมว่า แม้จำนวนผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาตั้งแต่ปี 2543 แต่ทางการก็ได้ดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อควบคุมการปล่อยไอเสียจากรถยนต์ อาทิ คณะผู้บริหารกรุงปักกิ่ง มหานครเทียนจิน และมณฑลเหอเป่ย ได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมสถานีเติมน้ำมัน และคลังเก็บน้ำมันหลายพันแห่งให้เสร็จเรียบร้อย ขณะที่บางเมืองในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง เริ่มโครงการแก้ไขการปล่อยไอเสียรถยนต์
นอกจากนั้น ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 12 (2554 ถึง 2558) ซึ่งผ่านการเห็นชอบในเดือนตุลาคม ระบุให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในจีนมุ่งวิจัยและพัฒนารถยนต์ ที่ใช้พลังงานสะอาด เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย ทั้งนี้ จีนก้าวขึ้นเป็นตลาดผู้ซื้อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2552 โดยยอดผลิตพุ่งถึง 13 ล้าน 7 แสน 9 หมื่นคัน และในปีที่แล้วยอดขายก็พุ่งถึง 13 ล้าน 6 แสน 4 หมื่นคัน
ที่มาของข้อมูล : ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2553 |