จากกรณีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องบัญชีวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2552 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 กำหนดให้ “ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืชซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี 13 ชนิด ได้แก่ สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ขา ดาวเรื่อง สาบเสือ กากเมล็ดชา พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดองดึง และหนอนตายหยาก เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 บัญชี ข.” ควบคุมโดยกรมวิชาการเกษตร ทำให้เกิดข้อถกเถียงอย่างต่อเนื่องหลายวัน ฝ่ายรัฐผู้เสนอชี้แจงว่าเป็นความตั้งใจดีที่จะทำให้มีการปฏิบัติที่ง่ายขึ้น เป็นการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ให้กับเกษตรกรผู้ใช้ด้วย ฝ่ายคัดค้านเชื่อว่าการออกประกาศฉบับดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ต้องใช้สารธรรมชาติจากพืช รวมทั้งเกิดความสับสนในการนำไปใช้ในลักษณะอื่น เพราะว่าสมุนไพรที่ระบุล้วนเป็นสมุนไพรที่บริโภคในชีวิตประจำวันมาช้านาน ยิ่งไปกว่านั้นรายงานข่าวยังมีข้อสงสัยถึงที่มา ความไม่ชอบมาพากลและเงื่อนงำต่างๆ บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ พรบ.วัตถุอันตราย ชี้ถึงข้อเท็จจริงที่หายไปจากประเด็นโต้แย้ง และการสื่อสารที่ใช้ข้อมูลไม่ครบแล้วทำให้เกิดความสับสน บางส่วนอาจตั้งเป็นคำถามเพื่อต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนขึ้น
ประเทศไทยประกาศบังคับใช้ พรบ.วัตถุอันตราย เป็นกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เพื่อควบคุมการผลิต นำเข้า ส่งออก และการมีไว้ในครอบครองวัตถุอันตราย (ตามคำจำกัดความในมาตรา 4 และตาม “บัญชี” ที่มีการจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2538) โดยมีคณะกรรมการวัตถุอันตราย (องค์ประกอบตามมาตรา 6 ซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นกรรมการและเลขานุการ) เป็นผู้ให้ความเห็นชอบตามที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบเสนอให้พิจารณา
วัตถุอันตรายแบ่งเป็น 4 ชนิด ตามการควบคุม แต่ละรายการอาจถูกควบคุมโดยหน่วยงานหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งหน่วยงานและอาจเป็นวัตถุอันตรายต่างชนิดกันตามการควบคุมของหน่วยงานต่างกันได้ ผู้ดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดต่างๆ ต้องปฏิบัติ ดังนี้
ชนิดวัตถุอันตราย
|
กระบวนการที่ต้องดำเนินการ
|
การขึ้นทะเบียน
|
การอนุญาต
|
การแจ้งดำเนินการ
|
1
|
-
|
-
|
Ö
|
2
|
Ö
|
-
|
Ö
|
3
|
Ö
|
Ö
|
Ö
|
4
|
ห้ามดำเนินการ
|
ตามข้อกำหนดของกฎหมาย บัญชีวัตถุอันตรายจะจัดทำเป็นประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งต้นเป็น “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2538 ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นสารเดี่ยวทีมี CAS No. (Chemical Abstract Series Number) กำกับ เพื่อสะดวกแก่การค้นหาและยืนยันว่าเป็นสารชื่อนั้นๆ ที่อาจใช้ชื่อต่างกันเพราะ CAS No. ก็คือเลขประจำตัวสารเคมีนั่นเอง ในบัญชีวัตถุอันตรายจะกำหนดชนิดอันตรายของสารและหน่วยงานรับผิดชอบกับเงื่อนไขถ้ามี
ในการทบทวนเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อทุกฉบับ ข้อความในประกาศซึ่งเป็นภาษากฎหมายและทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ยาก คือ จะมีข้อ 1 ว่า “ให้ยกเลิกรายชื่อวัตถุอันตรายในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2538 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2538 ดังต่อไปนี้...............” ถ้าจะดูว่าเป็นการยกเลิกจริงๆ หรือเป็นการกำหนดเงื่อนไขใหม่ ต้องอ่านข้อต่อๆไปและดูบัญชีแนบท้ายด้วย ดังนั้นหากนำชื่อสารที่ยกเลิกมาเทียบกับบัญชีใหม่ อาจพบว่าเป็นการแก้ไขเงื่อนไขก็ได้ เช่น Bromopropylate หนึ่งใน 9 รายการของกรมวิชาการเกษตรที่ยกเลิกตามข้อ 1 ในประกาศฉบับที่ 6 พ.ศ.2552นั้น แต่ยังคงกำหนดในบัญชีใหม่ให้สารตัวนี้ยังถูกควบคุมเป็นชนิดที่ 3 ตามเดิม โดยมีกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยรับผิดชอบเพิ่มเติม ดังนั้นเงื่อนไขที่ปรับเพิ่มในช่องของกรมวิชาการเกษตรจะเขียนว่า “เว้นแต่ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมปศุสัตว์...........” หรือ Copper hydroxide ที่อยู่ในการดูแลของกรมวิชาการเกษตรในประกาศฉบับที่ 5 ปี พ.ศ.2549 ยกเลิกในข้อ 1 แต่ยังบรรจุในบัญชี ก.โดยมีการเพิ่มให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบด้วย ส่วน Copper sulphate (pentahydrate) ได้ถูกเปลี่ยนจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 (ปี พ.ศ.2547) เป็นชนิดที่ 1 (ปี พ.ศ.2552) ที่ใช้ในการอุตสาหกรรม สำหรับ sulfur ที่มีการหยิบยกขึ้นมานั้น เดิมประกาศปี พ.ศ.2549 กำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ควบคุมโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมวิชาการเกษตร โดยมีเงื่อนไข “เฉพาะผลิตภัณฑ์สารป้องกันกำจัดเชื้อราที่มี sulfur เป็นองค์ประกอบ แต่ในประกาศล่าสุดปี พ.ศ.2552 นี้ sulfur ถูกยกเลิกออกจากบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายเฉพาะในส่วนของกรมโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น
ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงในประกาศบัญชีราชื่อวัตถุอันตราย
Bromopropylate
|
ปี พ.ศ.2538
ชนิด 3 (กวก.)
|
ปี พ.ศ.2552
กวก. และ กรมปศุสัตว์
|
Copper hydroxide
|
ปี พ.ศ.2549
ชนิด 3 (กวก.)
|
ปี พ.ศ.2552
กวก. และ กรอ.
|
Copper sulphate
|
ชนิด 3 (กวก.)
|
ชนิด 1 (กรอ.) ที่ใช้ในอุตสาหกรรม
|
Sulfur
|
ชนิด 3 กรอ.
กวก. เฉพาะผลิตภัณฑ์สารป้องกันกำจัดเชื้อราที่มี sulfur
|
กวก.
|
หน่วยงานรับผิดชอบ กวก. คือ กรมวิชาการเกษตร / กรอ. คือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
สิ่งที่ต้องชัดเจนก่อนจะด่วนสรุปว่าสารตัวใดถูกยกเลิกนั้น จึงต้องตรวจสอบรายชนิด โดยเทียบจากบัญชีรายชื่อแนบท้ายประกาศที่มีอยู่หลายฉบับ ความยากของการสื่อสารจึงอยู่ที่ตรงนี้ด้วยส่วนหนึ่ง การยกเลิกสารกัมมันตรังสีออกจากบัญชีวัตถุอันตราย ก็ได้รับคำชี้แจงว่ามีกฎหมายอื่นกำกับดูแลโดยเฉพาะอยู่แล้ว คำถามก็คือ เหตุใดจึงนำเข้าบัญชีรายชื่อท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมก่อนหน้านั้น การที่จะตรวจสอบวัตถุอันตรายรายชนิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงการควบคุมอย่างไร เมื่อใด จึงเป็นความยากสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในบัญชีรายชื่อใหม่แล้ว บางกรณีเป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดของวัตถุอันตราย เช่น จากชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่ 1 ซึ่งมีความหมายถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติต่อวัตถุอันตรายเหล่านั้น ชนิดที่ 1 ถือว่าเป็นการคุมที่อ่อนที่สุด ชนิดที่ 4 คุมเข้มคือห้ามนำเข้า ส่งออก ผลิต ครอบครอง ฯลฯ
ใช้ประโยชน์ในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชและสัตว์ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ลำดับที่ 104 มีคำว่าสารสำคัญ จุลชีพหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสำคัญ......... รวมทั้งลำดับที่ 105 , 106 เพียงแต่แตกต่างกันที่วัตถุประสงค์ของการใช้ พอมาถึงประกาศฉบับที่ 2 ปี 2547 มีการยกเลิกรายการของกรมวิชาการเกษตร โดยล้อข้อความของปี พ.ศ.2546 แต่เพิ่มกรมปศุสัตว์เข้ามาดูแล นั่นหมายความว่าสารสกัดจากพืชดังกล่าวยังคงถูกกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 อยู่ในบัญชี ข.ท้ายประกาศ ส่วนประกาศฉบับที่ 6 ปี พ.ศ.2552 ที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี้มีคำใหม่เข้ามาว่า “ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนของพืช.......” ด้วยเจตนาที่จะคุมเฉพาะการใช้ “ป้องกัน กำจัด ทำลาย ควบคุม แมลง วัชพืช โรคพืช ศัตรูพืช หรือควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ ...........” จากคำชี้แจงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงการควบคุมจากชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่ 1 ก็เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม เพราะเพียงแค่ “แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุอันตรายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามแนบ ..... โดยแจ้งก่อนที่จะดำเนินการผลิต นำเข้า หรือ ส่งออก เพื่อขายและแจ้งเป็นประจำทุกหกปี” (ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องการแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ) สิ่งที่ต้องการอธิบายคือคำจำกัดความ และวิธีปฏิบัติที่ชัดเจน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา มีการประกาศบัญชีวัตถุอันตรายเพิ่มเติมอีก 5 ฉบับ (ฉบับที่ 2, 3, 4, 5, และ 6) และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเพิ่มเติมเข้ามา คือ กรมปศุสัตว์ และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แต่ก็ยังไม่มีการรวมบัญชีเป็นทางการของประกาศทั้ง 6 ฉบับไว้ด้วยกัน ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงอาจเกิดความสับสนและเข้าใจผิดได้ง่าย ว่า รายการวัตถุอันตรายรายการใดถูกยกเลิกไป หรือถูกเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข และมีประวัติการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร ในกรณีนี้ หน่วยข้อสนเทศวัตถุอันตรายและความปลอดภัย ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งชาติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดทำรายการรวมบัญชีเป็นบัญชีปัจจุบันไว้เพื่อช่วยการสืบค้นของผู้ใช้ (www.chemtrack.org) แต่หากจะใช้อ้างอิงเชิงกฎหมายจะต้องตรวจสอบกับสำนักควบคุมวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง |