สนับสนุนโดย    
สนับสนุนโดย    
   
สนับสนุนโดย    
บอกข่าวเล่าความ

กรมวิชาการเกษตรออกมาตรการคุมเข้มวัตถุอันตรายทางการเกษตร

ผู้เขียน: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันที่: 15 ก.ย. 2552

            ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2551 กรมวิชาการเกษตรได้ออกมาตรการคุมเข้มผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายวัตถุอันตรายทางการเกษตร เพื่อปราบปรามผู้กระทำความผิด ส่งผลให้ปีนี้มีสถิติการเก็บตัวอย่างวัตถุอันตรายมาตรวจสอบเพิ่มขึ้นจากเดิม ขณะเดียวกันพบว่าเปอร์เซ็นต์การตรวจพบวัตถุอันตรายที่ไม่ได้มาตรฐานมีปริมาณลดน้อยลง นับเป็นผลดีต่อเกษตรกรที่จะมีโอกาสในการเข้าถึงวัตถุอันตรายที่มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น 
    
            นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กรมวิชาการเกษตรมีมาตรการในการควบคุมเรื่องวัตถุอันตรายทางการเกษตร แบ่งออกเป็น 4 มาตรการหลักๆ คือ 
    
            1. มาตรการควบคุมการนำเข้าสารเคมีและวัตถุอันตรายทางการเกษตร โดยกรมฯ จะตรวจสอบไปถึงแหล่งผลิตในประเทศที่มีการนำเข้า โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีการนำเข้าสารเคมีมากที่สุดถึง 70% ถ้าพบว่าไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2551 กรมวิชาการเกษตรจะยกเลิกใบอนุญาตนำเข้าทันที เพื่อความปลอดภัยของเกษตรกร        

            2. มาตรการควบคุมการขอขึ้นทะเบียนเพื่อผลิตหรือนำเข้าวัตถุอันตราย จะมีความเข้มงวดและรัดกุมมากขึ้น เช่น ใบอนุญาตจะมีอายุ 6 ปีเท่านั้น ต่างจากเดิมที่ขอครั้งเดียวใช้ได้ตลอด ดังนั้นจะเกิดการทบทวนและตรวจสอบวัตถุอันตรายที่ขออนุญาตจำหน่ายหรือนำเข้ามาในประเทศอยู่ตลอดเวลา 
    
            3. การทดสอบประสิทธิภาพวัตถุอันตรายทางการเกษตร โดยที่ผ่านมากรมฯ ยอมให้บริษัทหรือผู้ประกอบการที่มาขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายเป็นผู้ทดสอบประสิทธิภาพสารเคมีชนิดนั้น ๆ ว่าให้ผลตามที่ฉลากระบุไว้หรือไม่ แต่ปัจจุบันกรมฯ จะเป็นผู้ทดสอบประสิทธิภาพเอง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร

            4. การตรวจสอบวัตถุอันตรายที่จำหน่ายตามร้านค้าทั่วประเทศ ปัจจุบันมีร้านค้าไม่ต่ำกว่า 10,000 ร้านค้า ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้กระจายอำนาจในการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายไปในระดับภูมิภาค พร้อมกันนี้ได้ปรับปรุงห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ เพื่อให้การตรวจสอบวิเคราะห์ผลของวัตถุอันตรายมีความแม่นยำและรวดเร็ว ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าจะทำให้การดำเนิน คดีกับผู้กระทำความผิดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 
    
            อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้ติดตามเฝ้าระวังวัตถุอันตรายทางการเกษตร 2 ชนิดเป็นพิเศษ ได้แก่ สารไดโครโตฟอส (dicrotophos) และสารทู, โฟร์-ดี (2,4-dichlorophenoxyacetic) เนื่องจากเป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรเฝ้าติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งในโรงงานผลิต ร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตการเกษตร ตลอดจนในแปลงเกษตรซึ่งยังมีการใช้สารเคมีทั้ง 2 ชนิดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังได้เร่งศึกษาและรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาประกาศให้สารไดโครโตฟอส และสารทู, โฟร์-ดี เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่ห้ามมิให้มีการผลิต นำเข้า ส่งออก และห้ามมีไว้ในครอบครองด้วย 
    
            ทุกวันนี้ผู้ประกอบการผลิตสารเคมีและวัตถุอันตรายทางการเกษตรถูกสังคมมองเป็นผู้ร้ายอยู่แล้ว ถ้าผู้ประกอบการไม่ปรับตัวโดยหันมาประกอบธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เลิกเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานก็จะมีผลกระทบต่อวงการเคมีเกษตรแน่นอน ที่สำคัญ ถ้าท่านขายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ เมื่อเกษตรกรนำไปใช้แต่ไม่สามารถควบคุมศัตรูพืชได้ ก็ยิ่งส่งผลเสียในเชิงเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายกรมวิชาการเกษตรจะไม่ยกเว้น จะดำเนินการอย่างเต็มกำลังตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสร้างความปลอดภัยให้กับเกษตรกร ตลอดจนผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร และสิ่งแวดล้อม
    
            ทุกมาตรการของกรมวิชาการเกษตรที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ นับเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ที่จะสามารถเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นประเทศผู้นำด้านความมั่นคงทางอาหารและสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยได้ในที่สุด

ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันที่ 15 กันยายน 2552

  สารเคมีที่เกี่ยวข้อง:
Dicrotophos
  เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง:
บอกข่าวเล่าความ - แก้ไข พ.ร.บ. เปิดช่องคุมโฆษณาสารเคมีเกษตร
บอกข่าวเล่าความ - พ.ร.บ. วัตถุอันตรายฉบับใหม่ ยึดความปลอดภัยและประโยชน์เป็นหลัก
บอกข่าวเล่าความ - พ.ร.บ. วัตถุอันตรายฉบับใหม่บังคับใช้ 23 ส.ค. นี้
บอกข่าวเล่าความ - ประกาศ!! พืชสมุนไพรไทยจัดเป็นวัตถุอันตราย
บอกข่าวเล่าความ - กรมวิชาการเกษตรยอมถอนประกาศรายชื่อพืชทั้ง 13 ชนิด
 
  ข้อคิดเห็น
   
ข้อคิดเห็นที่ 1:1

อยากทราบผลประกาศใบอนุญาตอบรมที่เชียงใหม่ วันที่ 18-19 กุมภาพันธ์  2553  เวปไหนค่ะ ดูแล้วหาไม่เจอ

ขอบคุณค่ะ

โดย:  สายรุ้ง  [27 มี.ค. 2553 13:02]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 2:2

This piece was a lfieajkect that saved me from drowning.

โดย:  Leaidan  [10 พ.ย. 2554 12:57]
 
   
ข้อคิดเห็นที่ 3:5

อยากทราบผลประกาศใบอนุญาตอบรมที่เชียงใหม่ วันที่ 29-30 มีนาคม 2555   เวปไหนค่ะ ดูแล้วหาไม่เจอ



โดย:  อธิวัฒน์ ขันแก้ว  [22 เม.ย. 2555 20:04]
 
   

ขอเชิญร่วมแสดงข้อคิดเห็น